โดย yositacha » พุธ 27 พ.ค. 2020 6:40 pm
ทุกท่านที่กำลังอ่านบทความนี้ ทราบหรือไม่ว่าพืชบนโลกนี้ มีมากกว่า 250,000 ชนิด แต่มีเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ที่รู้จักการใช้ประโยชน์ด้านการรักษา สมุนไพรมีความสำคัญทั้งด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจสังคม ปัจจุบันด้านสาธารณสุขนั้น มีการใช้สมุนไพรทดแทนยาแผนปัจจุบัน เป็นการรักษาพยาบาลเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ ซึ่งเป็นการพึ่งพาตนเองในเวลาเจ็บป่วย อีกทั้งการใช้สมุนไพรยังช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ และสามารถส่งขายยังต่างประเทศได้อีกด้วย โดยบทความนี้จะกล่าวถึงสมุนไพรที่พบในชีวิตประจำวันและสรรพคุณ
สมุนไพรที่มีคุณสมบัติแก้ไข้ ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร และบอระเพ็ด
- ฟ้าทะลายโจร ใช้ใบและกิ่งก้าน 1 กำมือ ต้มน้ำดื่มก่อนอาหาร วันละ 2-8 ครั้ง เช้า-เย็น หรือเวลามีอาการ นอกจากจะแก้อาการไข้แล้ว ฟ้าทะลายโจรยังแก้ท้องเสีย เป็นบิด โดยใช้ครั้งละประมาณ 1-3 กำมือ ต้มน้ำดื่มเวลามีอาการ
- บอระเพ็ด ส่วนที่ใช้คือเถาหรือต้นบอระเพ็ดสด ครั้งละ 2 คืบครึ่ง โขลกแล้วคั้นเอาน้ำมาดื่ม หรือเอาไปต้มกับน้ำ โดยใช้น้ำ 3 ส่วน ต้มเคี่ยวให้เหลือ 1 ส่วน ดื่มก่อนอาหาร วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
สมุนไพรที่มีคุณสมบัติแก้ไอแห้ง แก้ไอขับเสมหะ
- มะขามป้อม ใช้ผลสดตำคั้นน้ำดื่มหรือกัดเคี้ยวอมบ่อยๆ
- มะขาม ใช้มะขามเปียก 3 กรัม จิ้มเกลือรับประทาน หรือนำมะขามเปียกมาต้มกับน้ำ เติมน้ำตาลและเกลือเล็กน้อย จะได้ยาขับเสมหะที่มีรสกลมกล่อม
- มะแว้งเครือหรือมะแว้งต้นใช้ผลมะแว้งเครือสด 5-6 ผล ล้างให้สะอาดเคี้ยวอมไว้ ใช้ผลสด 5-10 ผล โขลกพอแตกคั้นเอาแต่น้ำใส่เกลือเล็กน้อยจิบบ่อยๆเวลาไอ
พืชที่ใช้รักษาอาการท้องเดิน ได้แก่ สีเสียดเหนือ สีเสียดเทศ ทับทิม ฝรั่ง เปลือกผลมังคุด กล้วยดิบ แก่นฝาง ใบชา เป็นต้น
- ฝรั่ง มีสรรพคุณบรรเทาอาการท้องเสีย ในใบมีน้ำมันหอมระเหย ช่วยขับลม ส่วนที่ใช้เป็นยา คือใบที่โตเต็มที่ ผลดิบมีรสฝาด มัน หอมเล็กน้อย วิธีการใช้ คือใช้ใบ 10-15 ใบ คั่วพอเหลืองต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้วให้เดือด 10-15 นาที ดื่มครั้งละ 1/2 แก้ว เมื่อมีอาการท้องเสีย
- มังคุด ใช้เปลือกหรือผลแห้งต้มกินกับน้ำฝนรับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ทุก 4 ชั่วโมง สำหรับเด็กใช้เปลือกรับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนชาทุก 4 ชั่วโมง แต่หากต้องการให้มีสรรพคุณแก้บิด หรือปวดเบ่งที่มีอาการมีมูกหรืออาจมีเลือดปน ให้ใช้เปลือกผลแห้งประมาณครึ่งผล ย่างไฟให้เกรียม ผสมน้ำปูนใสประมาณครึ่งแก้ว หรือบดเป็นผงละลายน้ำข้าวหรือน้ำต้มสุก รับประทานทุก 2 ชั่วโมง
พืชที่ใช้รักษาอาการท้องผูก ได้แก่ สลัดไดป่า หัสคุณ สลอด เป็นต้น
- สลัดไดป่า เป็นพืชที่น้ำยางขาวเป็นยาถ่ายอย่างแรง ยางสด กัดหู
พืชสมุนไพรที่ใช้ขับพยาธิลำไส้
- มะเกลือ มีคุณสมบัติฆ่าพยาธิสามัญทุกชนิด
- มะหาด และทับทิม ฆ่าพยาธิตัวตืดและพยาธิไส้เดือน
- เล็บมือนาง สะแกนาง ใช้ฆ่าพยาธิไส้เดือนในเด็ก
- เมล็ดฟักทอง วิธีการคือให้คนไข้อดอาหาร 1 วัน แล้วให้รับประทานเมล็ดฟักองป่น 60 กรัม กับนมครึ่งลิตร ผสมน้ำตาลให้มีรสหวาน ดื่มวันละ 3 ครั้ง ห่างกัน 2 ชั่วโมง เมื่อดื่มครั้งสุดท้ายให้ดื่มน้ำมันละหุ่งเพื่อถ่าย เป็นยาถ่ายพยาธิตัวตืด
พืชสมุนไพรที่แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ได้แก่ กระชาย กานพลู
- กระชาย การใช้งานคือใช้เหง้าและรากประมาณครึ่งกำมือ ต้มพอเดือด เอาน้ำมาดื่ม หรือปรุงอาหารรับประทานได้
- กานพลู ใช้ดอกตูมแห้ง 5-8 ดอก บดเป็นผงชงน้ำดื่ม หรือใช้ดอกตูมแห้ง 1-3 ดอก ใส่ในกระติกน้ำร้อน ที่ใช้ชงนมเด็กอ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กท้องอืดท้องเฟ้อ
พืชสมุนไพรที่รักษาโรคผิวหนัง
- กระทิง น้ำมันจากเมล็ดกระทิงช่วยบำบัดโรคหิด ขี้กลาก
- ชุมเห็ดไทย ใช้ใบและเมล็ดแก้ขี้กลากและหิด
- ทองพันชั่ง ใช้รักษาโรคกลาก
- เปราะหอม (น้ำคั้นจากใบและเหง้า ล้างศีรษะป้องกันไม่ให้เกิดรังแค)
- ข่า เหง้าฝาเป็นชิ้นบางๆทาแก้เกลื้อน กระเทียม
จากข้างต้นที่กล่าวมา ชี้ให้เห็นว่าแท้จริงแล้วอาหารที่เรารับประทานในแต่ละวันนี้ล้วนเป็นสมุนไพรทั้งสิ้น หากรับประทานในปริมาณเล็กน้อยหรือปริมาณที่เหมาะสม ย่อมที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างแน่นอน
ทุกท่านที่กำลังอ่านบทความนี้ ทราบหรือไม่ว่าพืชบนโลกนี้ มีมากกว่า 250,000 ชนิด แต่มีเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ที่รู้จักการใช้ประโยชน์ด้านการรักษา สมุนไพรมีความสำคัญทั้งด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจสังคม ปัจจุบันด้านสาธารณสุขนั้น มีการใช้สมุนไพรทดแทนยาแผนปัจจุบัน เป็นการรักษาพยาบาลเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ ซึ่งเป็นการพึ่งพาตนเองในเวลาเจ็บป่วย อีกทั้งการใช้สมุนไพรยังช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ และสามารถส่งขายยังต่างประเทศได้อีกด้วย โดยบทความนี้จะกล่าวถึงสมุนไพรที่พบในชีวิตประจำวันและสรรพคุณ
[b]สมุนไพรที่มีคุณสมบัติแก้ไข้ ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร และบอระเพ็ด [/b]
[list][b]ฟ้าทะลายโจร[/b] ใช้ใบและกิ่งก้าน 1 กำมือ ต้มน้ำดื่มก่อนอาหาร วันละ 2-8 ครั้ง เช้า-เย็น หรือเวลามีอาการ นอกจากจะแก้อาการไข้แล้ว ฟ้าทะลายโจรยังแก้ท้องเสีย เป็นบิด โดยใช้ครั้งละประมาณ 1-3 กำมือ ต้มน้ำดื่มเวลามีอาการ[/list]
[list][b]บอระเพ็ด [/b]ส่วนที่ใช้คือเถาหรือต้นบอระเพ็ดสด ครั้งละ 2 คืบครึ่ง โขลกแล้วคั้นเอาน้ำมาดื่ม หรือเอาไปต้มกับน้ำ โดยใช้น้ำ 3 ส่วน ต้มเคี่ยวให้เหลือ 1 ส่วน ดื่มก่อนอาหาร วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
[/list]
[b]สมุนไพรที่มีคุณสมบัติแก้ไอแห้ง แก้ไอขับเสมหะ[/b]
[list][b]มะขามป้อม[/b] ใช้ผลสดตำคั้นน้ำดื่มหรือกัดเคี้ยวอมบ่อยๆ [/list]
[list][b]มะขาม[/b] ใช้มะขามเปียก 3 กรัม จิ้มเกลือรับประทาน หรือนำมะขามเปียกมาต้มกับน้ำ เติมน้ำตาลและเกลือเล็กน้อย จะได้ยาขับเสมหะที่มีรสกลมกล่อม[/list]
[list][b]มะแว้งเครือหรือมะแว้งต้น[/b]ใช้ผลมะแว้งเครือสด 5-6 ผล ล้างให้สะอาดเคี้ยวอมไว้ ใช้ผลสด 5-10 ผล โขลกพอแตกคั้นเอาแต่น้ำใส่เกลือเล็กน้อยจิบบ่อยๆเวลาไอ
[/list]
[b]พืชที่ใช้รักษาอาการท้องเดิน[/b] ได้แก่ สีเสียดเหนือ สีเสียดเทศ ทับทิม ฝรั่ง เปลือกผลมังคุด กล้วยดิบ แก่นฝาง ใบชา เป็นต้น
[list][b]ฝรั่ง[/b] มีสรรพคุณบรรเทาอาการท้องเสีย ในใบมีน้ำมันหอมระเหย ช่วยขับลม ส่วนที่ใช้เป็นยา คือใบที่โตเต็มที่ ผลดิบมีรสฝาด มัน หอมเล็กน้อย วิธีการใช้ คือใช้ใบ 10-15 ใบ คั่วพอเหลืองต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้วให้เดือด 10-15 นาที ดื่มครั้งละ 1/2 แก้ว เมื่อมีอาการท้องเสีย[/list]
[list][b]มังคุด[/b] ใช้เปลือกหรือผลแห้งต้มกินกับน้ำฝนรับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ทุก 4 ชั่วโมง สำหรับเด็กใช้เปลือกรับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนชาทุก 4 ชั่วโมง แต่หากต้องการให้มีสรรพคุณแก้บิด หรือปวดเบ่งที่มีอาการมีมูกหรืออาจมีเลือดปน ให้ใช้เปลือกผลแห้งประมาณครึ่งผล ย่างไฟให้เกรียม ผสมน้ำปูนใสประมาณครึ่งแก้ว หรือบดเป็นผงละลายน้ำข้าวหรือน้ำต้มสุก รับประทานทุก 2 ชั่วโมง[/list]
[b]พืชที่ใช้รักษาอาการท้องผูก[/b] ได้แก่ สลัดไดป่า หัสคุณ สลอด เป็นต้น
[list][b]สลัดไดป่า[/b] เป็นพืชที่น้ำยางขาวเป็นยาถ่ายอย่างแรง ยางสด กัดหู[/list]
[b]พืชสมุนไพรที่ใช้ขับพยาธิลำไส้[/b]
[list][b]มะเกลือ[/b] มีคุณสมบัติฆ่าพยาธิสามัญทุกชนิด[/list]
[list][b]มะหาด และทับทิม [/b]ฆ่าพยาธิตัวตืดและพยาธิไส้เดือน[/list]
[list][b]เล็บมือนาง สะแกนาง [/b]ใช้ฆ่าพยาธิไส้เดือนในเด็ก[/list]
[list][b]เมล็ดฟักทอง [/b]วิธีการคือให้คนไข้อดอาหาร 1 วัน แล้วให้รับประทานเมล็ดฟักองป่น 60 กรัม กับนมครึ่งลิตร ผสมน้ำตาลให้มีรสหวาน ดื่มวันละ 3 ครั้ง ห่างกัน 2 ชั่วโมง เมื่อดื่มครั้งสุดท้ายให้ดื่มน้ำมันละหุ่งเพื่อถ่าย เป็นยาถ่ายพยาธิตัวตืด[/list]
[b]พืชสมุนไพรที่แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ได้แก่ กระชาย กานพลู[/b]
[list][b]กระชาย[/b] การใช้งานคือใช้เหง้าและรากประมาณครึ่งกำมือ ต้มพอเดือด เอาน้ำมาดื่ม หรือปรุงอาหารรับประทานได้[/list]
[list][b]กานพลู[/b] ใช้ดอกตูมแห้ง 5-8 ดอก บดเป็นผงชงน้ำดื่ม หรือใช้ดอกตูมแห้ง 1-3 ดอก ใส่ในกระติกน้ำร้อน ที่ใช้ชงนมเด็กอ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กท้องอืดท้องเฟ้อ[/list]
[b]พืชสมุนไพรที่รักษาโรคผิวหนัง[/b]
[list][b]กระทิง[/b] น้ำมันจากเมล็ดกระทิงช่วยบำบัดโรคหิด ขี้กลาก[/list]
[list][b]ชุมเห็ดไทย[/b] ใช้ใบและเมล็ดแก้ขี้กลากและหิด[/list]
[list][b]ทองพันชั่ง[/b] ใช้รักษาโรคกลาก[/list]
[list][b]เปราะหอม[/b] (น้ำคั้นจากใบและเหง้า ล้างศีรษะป้องกันไม่ให้เกิดรังแค)[/list]
[list][b]สลัดไดป่า [/b]น้ำยากัดหูด[/list]
[list][b]ข่า[/b] เหง้าฝาเป็นชิ้นบางๆทาแก้เกลื้อน กระเทียม[/list]
จากข้างต้นที่กล่าวมา ชี้ให้เห็นว่าแท้จริงแล้วอาหารที่เรารับประทานในแต่ละวันนี้ล้วนเป็นสมุนไพรทั้งสิ้น หากรับประทานในปริมาณเล็กน้อยหรือปริมาณที่เหมาะสม ย่อมที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างแน่นอน