กล้วยรักษาโรค กินกล้วยดิบรักษาโรคกะเพาะ

เรื่องของกล้วย

กล้วยเป็นพืชเมืองร้อยที่คนไทยเราคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นกล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยไข่ กลัวยหักมุก หรือกล้วยพื้นบ้านภาคต่างๆ หากจะพูดถึงประโยชน์ของกล้วยแล้วจะเห็นว่ามีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้าจัดเป็นกล้วยที่ให้ประโยชน์เกือบจะทุกส่วนเลยทีเดียว แม้แต่นักปราชญ์ชาวอินเดียในสมัยโบราณยังกล่าวว่า “กล้วยเป็นผลไม้แห่งปัญญา กินแล้วบำรุงสติปัญญา” ถ้าผู้อ่านสังเกตการเลี้ยงดูลูกหลาน จะเห็นว่าพ่อแม่ยังคงให้เด็กๆ ที่อายุเกิน 3 เดือน กินกล้วยบดกันอยู่จนถึงปัจจุบัน

เนื่องจากกล้วยมีหลากหลายชนิดและมีรสชาติที่แตกต่างกัน ผู้ชื้ออาจจะเลือกซึ้อตามชนิดที่ตนเองชอบ แต่ถ้าหากจะเลือกซื้อตามคุณค่าทางอาหารแล้ว อยากจะเปรียบเทียบประโยชน์ให้เห็นชัดๆ ว่าระหว่างกล้วยน้ำว้าที่หาง่ายกับกล้วยไข่และกล้วยหอมนั้นให้คุณค่าแตกต่างอย่างไรบ้าง

กล้วยน้ำว้า
กล้วยน้ำว้า ผลรี ผิวเรียบ ปลายเป็นจุก เนื้อในมีสีขาว

ในน้ำหนัก 100 กรัม หรือ 1 ขีด เท่ากันของกล้วยทั้งสามชนิด 

  • กล้วยน้ำว้าจะให้พลังงานสูงสุด 147 แคลอรี่ (หมายถึง การให้พลังงานความร้อนที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้)
  • กล้วยไข่นั้นให้พลังงานรองลงมา คือ 145 แคลอรี
  • กล้วยหอมให้พลังงานเพียง 131 แคลอรีเท่านั้น

เมื่อแยกแยะว่ามีสารอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีก ยิ่งพบว่า กล้วยน้ำว้ายังมีโปรตีนถึง 1.1 กรัม มีเกลือแร่ประเภทแคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก ส่วนวิตามิน ก็มีวิตามินเอกับซี

กล้วยหอม
กล้วยหอม เปลือกสีเหลือง ปลายจุกจะมีสีเขียว

การใช้กล้วยเป็นยาสมุนไพร

กล้วยนอกจากจะมีคุณค่าทางร่างกายแล้ว การใช้กล้วยเป็นยาสมุนไพรก็มีไม่น้อยเช่นกัน กล้วยรักษาโรคได้อย่างเช่น

  • โรคกระเพาะ
    นำกล้วยหักมุกดิบมาหั่นตากแดด บดผง กินวันละ 4 ครั้งๆ ละ 1-2 ช้อนแกง ก่อนอาหาร 1/2-1 ชั่วโมง และก่อนนอน (กินกล้วยดิบรักษาโรคกะเพาะ)
  • ท้องผูก 
    ให้กินกล้วยที่สุกงอม วันหนึ่งควรกิน 1-6 ลูก แล้วแต่ว่าท้องผูกมากหรือน้อย ในกล้วยที่สุกงอมจะมีสารเพ็กตินอยู่มาก สารตัวนี้จะช่วยเพิ่มกากอาหารในลำไส้ กากอาหารเมื่อมีมากขึ้นถึงระดับหนึ่ง จะไปดันผนังลำไส้ เมื่อผนังลำไส้ถูกดัน จะมาทำงานโดยบีบตัวไล่กากอาหารออกมา จะทำให้เรารู้สึกปวดถ่าย
  • ท้องเสีย 
    ให้กินกล้วยดิบหรือกล้วยห่าม เพราะในกล้วยจะมีสารฝาดสมานที่ชื่อว่า แทนนิน สารนี้จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ในขณะเดียวกันก็ช่วยป้องกันผนังลำไส้ไม่ให้เชื้อโรคและสารที่มีรสจัด เช่น พริก เข้าไปทำลายลำไส้ด้วย
    ลักษณะของกล้วย
    ลักษณะของกล้วย กล้วยห่าม เปลือกภายนอกสีเขียวเข้ม
  • คอเจ็บ 
    กินกล้วยสุกช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอและเจ็บหน้าอกที่มีอาการไอแห้งๆ ร่วมด้วยได้ (ตำราจีนกล้วยสุกกินแล้วทำให้ปอดชื้นไม่แห้ง) กินละวัน 4-6 ลูก แบ่งกินตลอดวัน
  • ไตอักเสบ 
    หากกินกล้วยสุกเป็นประจำ กล้วยจะมีส่วนช่วยรักษาได้
  • มีกลิ่นปาก
    ใครที่รู้ตัวว่ามีกลิ่นปาก มีวิธีแก้ที่ลงทุนไม่มากเลย คือ กินกล้วยน้ำว้า กล้วยหอม หรือกล้วยไข่ หรือจะเป็นกล้วยอะไรก็ได้ที่ยังไม่ได้ต้ม ทอด เชื่อม ปิ้ง และควรกินช่วงเช้าหลังจากตื่นนอนสัก 6-7 ลูก แล้วจึงค่อยแปรงฟัน ทำอย่างนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ กลิ่นปากจะหายไป
  • บำรุงผิว 
    โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่อยากมีผิวพรรณดี ตื่นนอนตอนเช้าให้กินกล้วยน้ำว้าสุก 1 ลูก แล้วจึงล้างหน้าแปรงฟัน (อย่าลืมกินทุกๆ วันนะคะ)
กล้วยไข่
กล้วยไข่ ผลค่อนข้างเล็ก ก้านผลสั้น

เมื่อกล้วยมีประโยชน์มากมายอย่างนี้แล้ว อย่าลืมกินกล้วยเป็นประจำทุกวันนะคะ เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างนิสัยที่ดียิ่งต่อตัวเองอย่างหนึ่งแล้ว กล้วยยังอุดมไปด้วยคุณค่าและยังหาซื้อได้ง่าย

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ :
www.doctor.or.th
www.community.or.th
www.flickr.com

One Comment

Add a Comment