การเพาะเห็ดฟางจากเปลือกถั่วเขียว

การเพาะเห็ดฟางจากเปลือกถั่วเขียว

ประเทศไทยมีการพัฒนาการเพาะเห็ดฟางมานานถึง 50 ปีแล้ว นับว่ามีความก้าวหน้าในการเพาะเห็ดฟาง มากประเทศหนึ่ง โดยมีการทดลองนำวัสดุอื่นๆ นอกจากฟางมาเพาะเห็ดฟาง เช่น ผักตบชวา ไส้นุ่น ไส้ฝ้าย เปลือกถั่วเหลือง เปลือกถั่วเขียว เป็นต้น ปรากฏว่าวัสดุต่างๆ ซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้สามารถใช้เพาะเห็ดฟางได้ แต่ที่ให้ผลผลิตคุ้มค่าต่อการลงทุนมากที่สุด คือ เปลือกถั่วเขียว ซึ่งเป็นวัสดุที่เหลือใช้จากการปลูกถั่วเขียว นอกจากนี้วิธีการเพาะก็สามารถทำได้ง่ายสะดวกรวดเร็วกว่าและผลผลิตสูงกว่าการเพาะด้วยฟางข้าว

เห็ดฟาง
เห็ดฟาง ดอกเห็ดรูปทรงไข่ เปลือกสีขาวหม่นหรือสีเนื้อ

วัสดุในการเพาะ

  1. เชื้อเห็ดฟาง หมายถึง เส้นใยเห็ดฟางที่เจริญเติบโตในปุ๋ยหมักที่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคอย่างดีแล้วสามารถที่จะนําไปเพาะได้เลย ควรเลือกซื้อเชื้อเห็ดที่มีคุณภาพราคาไม่แพง
  2. เปลือกถั่วเขียว ควรเลือกเปลือกของฝักถั่วเขียวที่มีลักษณะป่นเล็กน้อยหลังจากนวดเอาเมล็ดออกแล้วและต้องแห้งไม่ถูกน้ำหรือฝนจนกว่าจะนํามาเพาะเห็ดฟาง
  3. สถานที่ ควรเป็นที่ดอน ไม่มี มด ปลวก แมลงต่าง ๆ และศัตรูของเห็ดฟางชนิดอื่นๆ สถานที่นั้นต้องไม่เป็นดินเค็ม ดินด่างจัด หรือน้ำไม่ท่วมขัง ควรอยูใกล้แหล่งนําหรือสามารถหานํามาใช้ได้สะดวกต้องไม่เป็นที่ที่เคยเพาะเห็ดฟางมาก้อนอย่างน้อย 1 เดือน และที่สําคัญบริเวณนั้น ต้องไม่มีพิษตกค้างของสารเคมีป้องกันกําจัดศัตรูพืชใด ๆ ทั้งสิ้น ในฤดูแล้งควรทําการเพาะในนาข้าวเพื่อเป็นการเพิ่มปุ๋ยหมักให้แก่ข้าวด้วย ส่วนในฤดูฝนควรเลือกที่ตอนกลางแจ้งที่เหมาะสม
  4. น้ำ ควรเป็นน้ำที่สะอาดปราศจากคลอรีนและกลิ่น เน่าเหม็น ไม่เป็นน้ำเค็ม หรือนํากร่อย
  5. อาหารเสริม ควรหาง่ายในท้องถิ่น มีลักษณะไม่อุ้มน้ำเกินไป มีอาหารที่เหมาะสมสําหรับเห็ดฟางไม่เข้มข้นมากเกินไป อาหารเสริมที่ผ่านการทดลองและได้ผลดี ได้แก้ละอองข้าวผสมมูลควาย มูลโค และปุ๋ยหมักที่สลายตัวแล้ว สําหรับอัตราส่วนของการผสมนั้นขึ้นกับสถานที่ด้วย เช่น ละอองข้าวกับปุ๋ยหมัก เท่ากับ 1:1 หรือ 4:3 หรือ 2:1 เป็นต้น
  6. แบบไม่หรือลังไม่ มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมคางหมูโดยมีด้านกว้างด้านบน 25 เซนติเมตร ด้านล่าง 30 เซนติเมตร ยาว 100 เซนติเมตร และสูง 25 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังมีแผ่นไม่กดใช้สำหรับกดเปลือกถั่วเขียว เพื่อความสะดวกในการทํากองเพาะ โดยใช้ไม้แผ่นขนาดกว้าง 20 เซนติเมตร ยาว 30 เซนติเมตร และมีไม่สำหรับทําด้ามจับลักษณะคล้ายเกรียงฉาบปูน
  7. ผ้าพลาสติก จะใช้ชนิดใสหรือสีดำก็ได้ ขึ้นกับราคาและความคงทน ถ้าหาไม่ได้ก็อาจใช้กระสอบปุ๋ยเย็บติดต่อกันแล้วนําไปล้างให้สะอาดปราศจากความเค็มของปุ๋ย เพราะความเค็มจะทําให้ดอกเห็ดไม่เจริญเติบโต
  8. โครงไม้ไผ่หรือจะใช้โครงเหล็กก็ได้ ซึ่งจะใช้ในการขึ้นโครงเมื่อกองเพาะมีอายุได้ 3-4 วันหลังจากวันเพาะ โดยนําไปปักให้เป็นรูปครึ่งวงกลมหรือรูปฝาชีคร่อมกองเห็ดเพาะซึ่งมีส่วนสูงไม้น้อยกว่า 60 เซนติเมตร
  9. บัวรดน้ำ จอบ หรือเสียม
  10. ฟางข้าวหรือเศษหญ้าแห้ง สําหรับคลุมกองเพาะเพื่อพรางแสงแดด อาจใช้หญ้าคาหรือแฝกก็ได้

วิธีการเพาะ

  1. เตรียมวัสดุเพาะ โดยนําเปลือกถั่วเขียวไปแช่น้ำ ประมาณ 5-10 นาที แล้วจึงนํามาเทกองรวมกันคลุมด้วยผ้าพลาสติกทิ้งไว้หนึ่งคืน เพื่อให้เปลือกถั่วเขียวนิ่ม และมีคุณสมบัติที่พร้อมจะเปื่อยสลายได้ระวังอย่าให้มีเชื้อราขึ้นบนเปลือกถั่วเขียวจะเพาะเห็ดฟางไม่ได้ผล เปลือกถั่วเขียว 1 กระสอบข้าวสารสามารถเพาะเห็ดฟางได้ 10-12 กอง (แบบไม้)
  2. เตรียมสถานที่ ที่จะเพาะ โดยปรับพื้นที่ให้เรียบแล้วพรวนดินแบบทําแปลงผัก ย่อยดินให้แตกร่วนเพราะการเพาะเห็ดด้วยวิธีนี้ ดอกเห็ดฟางจะเกิดบนดินและควรกําจัดวัชพืชออกด้วย จากนั้น จึงตักนํ้ารดให้ชุ่มทิ้งไว้หนึ่งคืน
  3. เตรียมอาหารเสริม ปริมาณขึ้นสถานที่กล่าวคือถ้าเป็นดินที่ไม่เคยทําสวนผักมาก่อน ให้ใช้ละอองข้าวผสมมูลควายเป็นอาหารเสริม 4 ปี๊บ ต่อเปลือกถั่วเขียว 25 กอง แต่ถ้าเป็นดินที่เคยทําสวนผักมาก่อนมีความอุดมสมบูรณ์มาก อาจใช้ละอองข้าวอย่างเดียวประมาณ 3 ป๊บก็เพียงพอ นําอาหารเสริมมาคลุกเคล้ากับน้ำแล้วใช้พลาสติกคลุมไว้หนึ่งคืนเช่นกัน โดยปกติควรจะเตรียมวัสดุเพาะอาหารเสริมและสถานที่ ในตอนเย็นแล้วพักทิ้งไว้หนึ่งคืน รุ่งเช้าจึงจะดําเนินการต่อไป
  4. วางแบบไม้ลงบนแปลงที่เตรียมไว้แล้วโรยอาหารเสริมไปตามขอบด้านในของแบบไม้นําเปลือกถั่วเขียวที่เตรียมไว้เทลงในแบบไม่ ใช้ไม่กดเปลือกถั่วเขียวให้แน่นโดยมีความสูงประมาณหนึ่งฝ่ามือ (ประมาณ 12-15 เซนติเมตร)
  5. ยกแบบไม่ออก แล้วทํากองต่อไปให้ห่างจากกองแรกประมาณหนึ่งฝ่ามือ ทําเหมือนกับกองแรกควรทํา 25 กองต่อ 1 แปลง เพื่อสะดวกในการดูแลรักษา ในกรณีที่ทําแปลงละ 25 กอง จะใช้เปลือกถั่วเขียว 2 กระสอบครึ่งเชื้อเห็ดฟาง 18 ถุง (ขนาดถุงละประมาณ 2 ขีด) ส่วนอาหารเสริมแล้วแต่สภาพของดิน
  6. เมื่อสร้างกองเสร็จแล้ว โรยเชื้อเห็ดฟางลงบนดินระหว่างกองและรอบ ๆ กอง แต่ไม่โรยบนกองเปลือกถั่วเขียว ใช้เชื้อเห็ดฟาง 18 ถุงต่อ 25 กอง แล้วโรยอาหารเสริมทับลงบนเชื้อเห็ดฟางอีกที โดยโรยบาง ๆ ถ้าดินอุดมสมบูรณ์ แต่ถ้าดินไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ให้โรยหนากว่าเล็กน้อย แต่อย่าให้เกิน 1 เซนติเมตร
  7. รดน้ำกองเพาะใหชุ่มแต่อย่าให้โชกจนน้ำไหลนอง เพราะน้ำจะพาเอาเส้นใยเห็ดไหลไปที่อื่น
  8. ใชผ้าพลาสติกคลุมกองให้มิดชิดเพื่อทำใหเกิดความร้อนเป็นสภาพที่ เ หมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเส้นใยเห็ดฟาง
  9. ใช้ฟางข้าวหรือเศษหญ้าแห้งคลุม บนผ้า พลาสติกอีกชั้นหนึ่ง โดยคลุม ให้ห นา ๆ เพื่อป้องกันแสงเข้าไปในกองเพาะและช่วยรักษาความชื้นของกองเพาะอีกด้วย
การเพาะเห็ดฟาง
การเพาะเห็ดฟาง

การดูแลรักษากองเพาะ

  1. ในช่วง 1-2 วันแรก ไม่ต้องทําอะไรกับกองเพาะเลย นอกจากป้องกันไม่ให้สุนัข ไก่ หรือสัตว์อื่นๆ ไปรบกวนกองเพาะ
  2. เมื่อเริ่มวันที่ 3 หลังจากวันเพาะ ให้เปิดกองเพาะดูจะเห็นว่ามีตุ่มเห็ดโตประมาณเกือบเท่าหัวไม้ขีดเต็มไปหมด จึงทําการเปิดกองเพาะทั้งหมด โดยเอาฟางและผ้าพลาสติกออกทิ้ง ไว้ประมาณ 30 นาทีเพื่อให้สภาพของกองเพาะเย็นลงและเป็นการไล้แก๊สที่เกิดจากการหมักเน่าของเปลือกถั่วเขียวออกไปด้วย เมื่อกองเพาะเย็นตัวลงแล้วตักน้ำรดกองเพาะ 1-2 หาบบัว จากนั้นจึงทําการยกโครงโดยใช้ไม้ไผ่ปักหัวท้าย แล้วทําให้เป็นโครงคล้ายรูปฝาชีและมีความสูง อย่างน้อย 60 เซนติเมตร แล้วคลุมด้วยผ้าพลาสติก และฟางข้าวเช่นเดิม
  3. ทําการเปิดกองเพาะทุกเช้าและเย็นของวันที่ 4-5-6-7 หลังจากวันเพาะครั้งละประมาณ 30นาที ช่วงนี้ให้สังเกตดูการเจริญเติบโตของดอกเห็ดด้วยว่าผิดปกติหรือไม่ ถ้ามีเส้นใยขึ้น ปกคลุมดอกเห็ดมาก และเกิดผิวตกกระก็ให้เปิดกองเพาะนานกว่าเดิม
  4. หลังจากเปิดกองเพาะในตอนเย็นของวันที่ 7 หลังจากวันเพาะ ถ้ามีดอกเห็ดฟางที่คาดว่าจะเริ่มเก็บได้ในวันรุ่งขึ้น ประมาณครึ่งหนึ่ง ของกองเพาะ ก็ให้ตักนํ้ารดกองเพาะประมาณ 1 หาบบัว เพื่อเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับดอกเห็ดและเพิ่มความชื้นให้กับกองเพาะด้วย ถ้าไม่รดนํ้าจะได้เห็ดที่มีนํ้าหนักน้อยกว่าการรดน้ำ

การเก็บดอกเห็ด

ในวันที่ 8 หลังจากวันเพาะก็สามารถเก็บดอกเห็ดได้เลย การเก็บควรเก็บในตอนเช้ามืด เพื่อดอกเห็ดจะได้ไม่บาน ดอกเห็ดที่เก็บควรมีลักษณะเป็นรูปไข่ปลอกยังไม่แตกและดอกยังไม่บานเพราะถ้าปล่อยให้ปลอกแตกและดอกบานแล้วค่อยเก็บจะทําให้ขายได้ราคาต่ำ

วิธีเก็บให้ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ กดดอกเห็ดแล้วหมุนเล็กน้อยยกขึ้นเบา ๆ ดอกเห็ดก็จะหลุดออกมาโดยง่าย ถ้ามีดอกเห็ดขึ้นอยู่ติด กันหลายดอก ควรเก็บขิ้นมาพร้อมกันทั้งหมดทีเดียว ถ้าเก็บเฉพาะดอกเห็ดที่โตออกมาดอกที่เหลือจะไม่โตและฝ่อตายไป

ไม่ควรใช้มีด ดัดดอกเห็ด เพราะจะทําให้มีเศษเหลืออยู่ซึ่งอาจจะเน่าและลุกลามไปทั่วกองได้

เมื่อเก็บเห็ดออกมาแล้ว ต้องทําการตัดแต่งเอาดิน หรืออาหารเสริมออกให้หมด จากนั้น นําใส่ลงในภาชนะที่โปร่ง เช่น กระบุง ตะกร้า เข่ง ที่ร่องด้วยกระดาษ หรือใบกล้วย ห้ามพรมนํ้าหรือแช่น้ำเด็ดขาด เพราะจะทําให้เห็ดอมน้ำเก็บไว้ได้ไม่นาน เน่าเสียง่ายกว่าปกติ และจะทําให้รสชาติเสียไปด้วยสําหรับผลผลิตต่อกองเพาะนั้น ได้ประมาณ 5 ขีด จนถึง 1 กิโลกรัม โดยเก็บได้ถึง 3 ครั้งขึ้นกับคุณภาพของเชื้อเห็ดฟาง และการดูแลรักษาด้วย

ศัตรูเห็ดฟางและการป้องกันกำจัด

  1. เมื่อเก็บเห็ดออกมาแล้ว ต้องทําการตัดแต่งเอาดิน หรืออาหารเสริมออกให้หมด จากนั้น นําใส่ลงในภาชนะที่โปร่ง เช่น กระบุง ตะกร้า เข่ง ที่ร่องด้วยกระดาษ หรือใบกล้วย ห้ามพรมนํ้าหรือแช่น้ำเด็ดขาด เพราะจะทําให้เห็ดอมน้ำเก็บไว้ได้ไม่นาน เน่าเสียง่ายกว่าปกติ และจะทําให้รสชาติเสียไปด้วยสําหรับผลผลิตต่อกองเพาะนั้น ได่ประมาณ 5 ขีด จนถึง 1 กิโลกรัม โดยเก็บได้ถึง 3 ครั้งขึ้นกับคุณภาพของเชื้อเห็ดฟาง และการดูแลรักษาด้วย
    การป้องกัน อาจทําได้โดยใช้เปลือกถั่วเขียวที่แห้งและสะอาดไม่มีเชื้อราชนิดอื่นขึ้นใช้เชื้อเห็ดฟางที่ดี และดูแลรักษากองเพาะให้ถูกวิธีอย่าเพาะเห็ดฟางซํ้าที่เดิม ถ้าโรคนี้เกิดขึ้น ควรนําไปเผาทําลายเสีย

  2. โรคเน่าเชื้ออาจติดมากับเปลือกถั่วเขียวหรือน้ำที่ใช้รดทําให้เห็ดฟางเน่าได้ การป้องกัน เหมือนกับโรคราเมล็ดผักกาด

  3. แมลง ได้แก่ มด ปลวก จะมาทํารังและกัดกินเชื้อเห็ดและรบกวนเวลาทํางาน

ราคาขายตลาดสี่มุมเมือง ณ วันที่ 5 มีนาคม 2565

  • เห็ดฟาง (ใหญ่สวย) ราคากิโลกรัมละ 100 บาท / เห็ดฟาง (เล็กสวย) ราคากิโลกรัมละ 90 บาท

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ :
http://www.eto.ku.ac.th
https://www.opsmoac.go.th
https://www.simummuangmarket.com
https://www.flickr.com

Add a Comment