การใช้ปุ๋ยพืชสดเพิ่มปริมาณอินทรีย์วัตถุในดิน

ปุ๋ยพืชสด

ปุ๋ยพืชสด คือ ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดหนึ่ง ซึ่งได้จากการไถกลบต้น ใบและส่วนต่างๆ ของพืช โดยเฉพาะพืชตระกูลถั่วที่ปลูกไว้ หรือขึ้นเองตามธรรมชาติในระยะช่วงออกดอกจนถึงดอกบานเต็มที่ ซึ่งเป็นช่วงที่มีธาตุอาหารในลําต้นสูงสุด แล้วปล่อยไว้ให้เน่าเปื่อยผุพัง ย่อยสลายเป็นอาหารแก่พืชที่จะปลูกตามมา ปุ๋ยพืชสดนอกจากจะให้ธาตุไนโตรเจนซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักแก่พืชแล้ว ยังให้ธาตุอาหารรองอื่นๆ ที่จําเป็นแก่พืช ช่วยปรับโครงสร้างของดินให้ดีขึ้นทําให้ดินร่วนซุยสะดวกต่อการไถพรวน นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาในการกําจัดวัชพืชได้อีกด้วย

ลักษณะของพืชที่จะนํามาปลูกเป็นปุ๋ยพืชสดควรมีคุณสมบัติทั่วๆไป ดังนี้ คือ

  1. ปลูกได้ง่ายเจริญเติบโตเร็ว ระบบรากแข็งแรงออกดอกในระยะเวลาอันสั้น คือประมาณ 30-60 วัน
  2. สามารถให้น้ำหนักพืชสดสูง ตั้งแต่ 2,000 กิโลกรัม/ไร่ ขึ้นไป
  3. ทนแล้งและทนต่อสภาพต่างๆ ได้ดี สามารถปลูกได้ทุกฤดูกาล
  4. มีความต้านทานต่อโรคและแมลง 
  5. สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ได้มาก และขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว เพื่อทันและเพียงพอต่อความต้องการเมล็ดงอกง่ายและมีเปอร์เซ็นต์ความงอกสูง
  6. ทําการเก็บเกี่ยว ตัดสับ และไถกลบได้ง่ายไม่ควรเป็นเถาเลื้อยมาก เพราะจะทําให้ไม่สะดวกในการไถกลบ 
  7. ลําต้นอ่อน เมื่อไถกลบแล้วเน่าเปื่อยผุพังได้รวดเร็ว และมีธาตุอาหารพืชสูง

ชนิดของปุ๋ยพืชสด

พืชที่ใช้ทําเป็นพืชสดนั้นแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ

  1. พืชตระกูลถั่ว เป็นพืชที่เหมาะจะนํามาเป็นปุ๋ยพืชสดมากกว่าพืชประเภทอื่น เพราะเป็นพืชที่มีคุณค่าทางอาหารพืชสูง เมื่อตัดสับและไถกลบจะเน่าเปื่อยผุพังเร็ว โดยเฉพาะจะช่วยเพิ่มธาตุไนโตรเจน ซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักของพืช เพราะในการที่พืชจะเจริญเติบโตและให้ผลผลิตสูงนั้นพืชจะต้องได้รับธาตุไนโตรเจนอย่างเพียงพอ ซึ่งพืชตะกูลถั่วภายหลังไถกลบและเน่าเปื่อยผุพังแล้วก็สามารถจะให้ธาตุอาหารนี้แก่พืชที่ปลูกตามหลังอย่างมากมาย เพราะ รากถั่วจะมีปมเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ปมรากถั่ว (nodule bacteria) ซึ่งมีเชื้อจุลินทรีย์มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าไรโซเบียม (Rhizobium) อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จุลินทรีย์เหล่านี้สามารถดึงเอาธาตุไนโตรเจนที่มีอยู่ในอากาศมาไว้ในปมรากถั่วเปรียบเสมือนเป็นโรงงานอุตสาหกรรมผลิตปุ๋ยไนโตรเจน จากนั้นเมื่อเราปลูกพืชตระกูลถั่วแล้วไถกลบเป็นปุ๋ยพืชสดบํารุงดินก็จะเป้นการประหยัดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้บ้างและในขณะเดียวกันเศษพืชที่สลายตัวเน่าเปื่อยลงไปในดินก็จะเพิ่มธาตุอาหารพืชที่สำคัญๆ หลายชนิดให้แก่ดินตลอดจนเพิ่มปริมาณอินทรีย์วัตถุแกดินชวยปรับปรุงสภาพของดินอยู่ในลักษณะที่เหมาะสมในการปลูกพืช
    ปอเทือง
    ปอเทือง ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง ดอกสีเหลือง

    พืชปุ๋ยสดเป็นพืชตระกูลถั่ว ก่อนปลูกควรพิจารณาถึงสภาพพื้นที่ที่จะปลูก ลักษณะและคุณภาพของดินประกอบด้วย เพื่อให้สามารถใช้ได่ดี และให้ปริมาณน้ำหนักพืชสดสูง โดยพิจารณาชนิดพืชที่ใช้ปลูกให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ดังนี้
    1.1 โสนไต้หวัน (Sesbania sesban) เป็นพืชตระกูลถั่ว่ที่มีดอกสีเหลืองเป็นช่อ สามารถขึ้นได้ในดิน ทั่วๆ ไป แต่จะขึ้นได้ดีในดินเหนียวที่มีน้ำขังหรือบริเวณที่ลุ่ม ที่น้ำท่วมถึง จึงเหมาะสําหรับปลูกเป็นปุ๋ยพืชสดในนาข้าวภาคกลาง หรือดินภาคอื่นๆ ที่มีสภาพของดินและสภาพพื้นที่เหมือนกัน นอกจากนี้โสนไต้หวันยังทนแล้งได้ด้วย 
    1.2 โสนอินเดีย (Sesbania speciosa) เป็นพืชที่มีดอกเหลืองเป็นช่อ ดอกใหญ่กว่าดอกโสนไทย และโสนไต้หวัน มีลําต้นสูงและทนต่อความแห้งแล้งได้ดีกว่าโสนไต้หวัน เป็นพืชที่ให้นํ้าหนักสดสูงมากพืชหนึ่งโสนอินเดียชอบดินที่ค่อนข้างจะเป็นด่าง จึงนิยมปลูกบนที่ดอนไม่ว่าจะเป็นดินเหนียว ดินร่วน หรือดินทราย ก็สามารถปลูกขึ้นได้ดี เมื่อขึ้นแล้วน้ำขังก็ไม่ตาย
    1.3 โสนคางคก (sesbania aculeata) เป็นพืชที่มีลําต้นขรุขระขึ้นได้ดีในบริเวณที่มีน้ำขังและสามารถขึ้นได้ดีในดินเค็ม ฉะนั้นจึงเหมาะสําหรับปลูกเป็นปุ๋ยพืชสดในนาข้าวที่ปลูกในดินเค็ม
    1.4 ปอเทือง (Crotalaria juncea) มีลำต้นคล้ายปอแก้ว ดอกจะมีสีเหลืองอยู่กระจัดกระจาย จัดว่าเป็นพืชปุ๋ยสดที่ดีเยี่ยมชนิดหนึ่ง ซึ่งจะหาพืชชนิดอื่นเทียบได้อยาก เนื่องจากเมื่อไถกลบแล้วจะผุพังได้รวดเร็วและเพิ่มปริมาณอินทรีย์วัตถุให้แก่ดินในปริมาณมาก ปอเทืองสามารถขึ้นได้ในดินเหนียว ดินร่วน ดินทราย หรือดินลูกรัง แต่ไม่ชอบขึ้นในดินที่ชื้นหรือมีน้ำขังดังนั้นจึงนิยมปลูกบนที่ดอน
    1.5 ถั่วพร้า (Canvalia ensiformis) เป็นพืชที่มีลําต้นตรง บางชนิดก็เลื้อยพัน เจริญเติบโตได้รวดเร็ว มีรากลึก ใบใหญ่ กว้าง ลําต้นแข็งแรง ดอกมีสีแดงอ่อน ม่วงอ่อน หรือขาว เป็นพืชทนแล้งได้ดี สามารถขึ้นได้ในดินทั่วไปแต่นิยมปลูกเป็นพืชปุ๋ยสดในพื้นที่ปลูกพืชไร่ แต่บางครั้ง ก็นํามาปลูกในดินนาช่วงหน้าแล้งไม่มีน้ำขังได้ดีเหมือนกัน
    1.6 ถั่วประเภทเถาเลื้อย เช่น ถั่วลาย ถั่วเสี้ยนป่า ไมยราบไร้หนามเว็ลเว็ท คาโลโปโกเนียม ซีรูเลียม และอัญชัน พืชเหล่านี้ใช้เป็นปุ๋ยพืชสดได้เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่นิยมใช้เป็นพืชคลุมดินในสวนผลไม้ เพื่อปราบวัชพืชบางชนิดแล้วใต้ต้นหรือใบที่ร่วงหล่นทําเป็นปุ๋ยบํารุงดิน อันเป็นประโยชน์แก่ไม้ผล ที่ปลูกมากกว่าจะตัดสับแล้วไถกลบ 
    1.7 ถั่วประเภทใช้เมล็ดอื่นๆ เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วพุ่ม ถั่วนา ถั่วลิสง ก็สามารถใช้ปลูกทําเป็นปุ๋ยพืชสดได้

  2. พืชชนิดอื่นๆ ที่ไม่ใช่พืชตระกูลถั่ว เช่น พวกพืชตระกูลหญ้าก็สามารถใช้เป็นปุ๋ยพืชสดได้ แต่พืชพวกนี้ส่วนใหญ่จะให้แต่เพียงอินทรีย์วัตถุ ส่วนธาตุอาหารพืชอย่างอื่นมีปริมาณน้อยกว่าพืชตระกูลถั่ว ฉะนั้นขณะที่ทําการไถกลบพืชตระกูลหญ้าลงไปในดิน จึงนิยมหว่านปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบเพิ่งลงไปด้วยในอัตรา 5-10 กิโลกรัม/ไร่ ทั้งนี้แล้วแต่อายุของพืชที่ถูกกลบ

  3. พืชน้ำ พืชน้ำชนิดหนึ่งที่ใช้เป็นปุ๋ย พืชสดในนาข้าว คือแหนแดง (Azolla) เนื่องจากแหนงแดงเป็นที่อาศัยของแอลจีบางชนิดสามารถตรึงไนโตรเจนในอากาศมาให้แหนแดงเน่าเปื่อยผุพัง ก็จะให้ไนโตรเจนและอินทรีย์วัตถุแก่ดิน แหนแดงสามารถเลี้ยงขยายในนาข้าวแล้วทําเป็นปุ๋ยพืชสด โดยจะให้ไนโตรเจนได้ถึง 4-6 กิโลกรัม/ไร่ นอกจากนี้ยังนํามาเพาะขยายพันธุ์ได้ในดินที่มีน้ำขังเราจึงมักพบเห็นแหนแดงมีขึ้นอยู่ทั่วไปตามธรรมชาติบริเวณที่มีน้ำขังเสมอ

การปลูกพืชปุ๋ยสดเพื่อปรับปรุงดิน

ในการปลูกพืชปุ๋ยสดให้ได้ผลดีนั้นควรพิจารณาถึงปัจจัย 3 ประการ คือ 

  1. ลักษณะของดิน เนื่องจากพืชตระกูลถั่วชนิดต่างๆ นั้น ขึ้นได้ดีในดินที่ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นก่อนปลูกควรปรับปรุงสภาพของดินให้เหมาะสม เช่น ถ้าเป็นดินเปรี้ยวควรใส่ปูน ลงไปก่อน ถ้าเป็นดินทราย ควรใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 3-9-6 อัตรา 5-10 กิโลกรัม/ไร่ หว่านเป็นปุ๋ยรองพื้นก่อนปลูก จะช่วยให้พืชสดเจริญเติบโตและให้น้ำหนักสดสูงด้วย 
  2. เวลาฤดูกาลที่ปลูก เวลาที่เหมาะสมที่สุด คือ ปลูกช่วงต้นฤดูฝนหรือปลูกหลังจากเก็บเกี่ยวพืช ซึ่งความชื้นในดินยังมีอยู่ หรือปลุกก่อนการปลูกพืช หรือปักดําข้าวประมาณ 3 เดือน ในช่วงปลายฤดูฝนก็สามารถปลูกได้แต่ต้องมีความชื้นในดินอยู่บ้าง
  3. วิธีการปลูก มีหลายวิธีด้วยกัน คือการปลูกแบบโรยเมล็ดเป็นแถว หยอดเป็นหลุม หรือหว่านเมล็ดลงไปถั่วแปลงก็ได้ แต่ส่วนใหญ่นิยมใช้วิธีหว่าน ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกและประหยัดแรงงานกว่า ซึ่งควรทําการไถดะก่อนแล้งจึงหว่านเมล็ดลงไป หลังจากนั้น จึงทําการคราดกลบเมล็ด ถ้าเป็นพืชที่มีเมล็ดใหญ่ควรคราดกลบให้ลึกหน่อย เพื่อช่วยให้เมล็ดงอกได้เร็วขึ้น
การใช้เมล็ดพันธุ์พืชสด
การใช้เมล็ดพันธุ์พืชสด

วิธีการใช้พืชปุ๋ยสด

วิธีการใช้พืชปุ๋ยสดแบ่งการใช้ได้เป็น 3 วิธี คือ

  1. ปลูกพืชปุ๋ยสดในพื้นที่แปลงใหญ่ แล้วทําการตัดสับและไถกลบลงไปในพื้นที่นั้นเลย ก่อนที่จะปลูกพืชหลักชนิดอื่นๆ ตามมา
  2. ปลูกพืชปุ๋ยสดแซมในระหว่างร่องพืชหลักที่ปลุก โดยปลูกพืชปุ๋ยสดหลังจากพืชหลักเติบโตเต็มที่แล้วเพื่อป้องกันการแย่งธาตุอาหารในดิน เมื่อพืชปุ๋ยสดเริ่มออกดอกจนถึงดอกบานก็ทําการตัดสับ และไถกลบลงไปในดินระหว่างร่องปลูกพืชหลัก
  3. ปลูกพืชปุ๋ยสดในพื้นที่ที่รกร้างว่างเปล่า หรือ ตามหัวไร่คันนาแล้วตัดสับเอาส่วนของพืชปุ๋ย สดนํามาใส่ในแปลงเพื่อจะทําการปลูกพืชหลัก แล้วไถกลบลงไปในดิน

การตัดสับและไถกลบพืชปุ๋ยสด

ในการตัดสับและไถกลบพืชปุ๋ยสดนั้น จําเป็นต้องพิจารณาถึงอายุของพืชปุ๋ย สดเป็นสําคัญ ควรกระทําเมื่อมีปริมาณธาตุไนโตรเจนในพืชสูงสุด และให้น้ำหนักพืชปุ๋ยสดสูงด้วย ฉนั้นระยะเวลาที่เหมาะสมในการตัดสับและไถกลบ จึงควรทําขณะที่ต้น ถั่ว เริ่มออกดอกไปถึงระยะที่ดอกบานเต็มที่ เนื่องจากในระยะนี้ต้นถั่วเจริญงอกงามสูงสุด และเป็นระยะที่องค์ประกอบของพืชปุ๋ย สดอยู่ในขั้นที่เหมาะสมเต็มที่ เนื่องจากในระยะนี้ต้นถั่วเจริญงอกงามสูงสุด และเป็นระยะที่องค์ประกอบของพืชปุ๋ยสดอยู่ในขั้นที่เหมาะสมแก่การสลายตัว เมื่อไถกลบแล้วจะทําให้มีปริมาณอินทรีย์วัตถุและธาตุไนโตรเจนสะสมอยู่ในดินสูงด้วย แต่ถ้าหากอายุแก่เลยระยะนี้ไปแล้วจํานวนธาตุไนโตรเจนในพืชลดลง

ตารางแสดงอายุการตัดสับ
ตารางแสดงอายุการตัดสับ

พืชปุ๋ยสดชนิดใดที่มีลำต้นเตี้ยทําให้การไถกลบด้วยแรงสัตว์ได้เลย แต่ถ้ามีลําต้นสูง หรือเถาเลื้อยก็ควรตัดให้ติดผิวดิน โดยตัดเป็นท่อนๆ เสียก่อน แล้วจึงไถกลบ เมื่อพืชไถกลบถูกฝังอยู่ในดินแล้วก็จะเริ่มเน่าเปื่อยผุพังเป็นปุ๋ยทั้งหมด ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 628 สัปดาห์ ทั้งนี้แล้วแต่ชนิดและอายุของเศษพืชนั้นนอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศและความชื้นในดินด้วย หลังจากนั้น จึงทําการปลูกพืชตามได้

ประโยชน์ของปุ๋ยพืชสด

  1. ช่วยเพิ่มปริมาณอินทรีย์วัตถุในดิน
  2. ช่วยเพิ่มธาตุไนโตรเจนซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักให้แก่พืช
  3. ช่วยบํารุงและรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน
  4. ช่วยรักษาความชุ่มชื้นในดินและให้ดินอุ้มน้ำได้ดีขึ้น
  5. ทําให้ดินร่วนซุย สะดวกในการเตรียมดินและไถพรวน
  6. ช่วยในการปราบวัชพืชบางชนิดได้เป็นอย่างดี
  7. กรดที่เกิดจากการผุพังของพืชสด จะช่วยละลายธาตุอาหารในดินให้แกพืชได้มากยิ่งขึ้น 
  8. ช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้บ้าง
  9. ลดอัตราการสูญเสียของดินอันเกิดจากการชะล้าง
  10. ช่วยเพิ่มผลผลิตของพืชให้สูงขึ้น
ต้นถั่วเหลือง
ถั่วเหลือง ลำต้นมีขนปกคลุม ผลเป็นฝัก

การปลูกพืชปุ๋ยสดเพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์

การปลูกพืชปุ๋ยสดเพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์นั้นมีปัญหา คือ พืชบางชนิดเก็บเมล็ดได้ง่ายบางชนิดเก็บได้ยากหรือเก็บไม่ได้เลย เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งปัญหาในการปลูกก็แล้วแต่ชนิดของพันธุ์พืชและวิธีการปลูก ดังนัน้ จึงสมควรที่จะต้องทราบวิธีการปลูกพืชที่จะนํามาใช้ทำเป็นปุ๋ยพืชสดเพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์เป็นขั้นตอน ดังต่อไปนี้

  1. การเลือกที่ดิน ควรเลือกดินร่วนปนทราย หรือดินร่วนตะกอน มีการระบายน้ำดี มีความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ในระหว่าง 6-7 ถ้าดินมีธาตุอาหารและความชื้น พอเหมาะ ผลผลิตเมล็ดพันธุ์จะสูงมาก แต่ถ้าเป็นดินที่ขากธาตุอาหารต้องให้ปุ๋ยเคมีช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืชในระยะแรกด้วย 
  2. ฤดูปลูกที่เหมาะสม ภาคกลางควรปลูกปลายฤดูฝน ประมาณเดือน สิงหาคม-กันยายน สําหรับ ภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ควรปลูกประมาณเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม หรือจะปลูกเมื่อ ฤดูฝนหมดแล้วก็ได้ แต่จะต้องเก็บเมล็ดในเดือนเมษายนเป็นอย่างช้า ถ้ามีฝนตกระหว่างการเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ ฝักจะขึ้นรา และเมล็ดจะเสียด้วย นอกจากนี้การตาก นวด และฝัด จะทําได้ไม่สะดวก
  3. การเตรียมดิน ผลผลิตของพืชปุ๋ยสดขึ้นอยู่กับการเตรียมดินด้วย ฉะนั้น จึงต้องเตรียมดินให้ดีก่อนที่จะหยอดเมล็ดพันธุ์ โดยการไถดะลึกแล้วทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ เพื่อทําลายวัชพืชให้น้อยลงแล้วจึงไถแปรตามอีกครั้งเมื่อความชื้นในดินพอเหมาะก็ปลูกได้ ซึ่ง ความชื้นในดินมีความสําคัญต่อการงอกของเมล็ดและการเจริญของต้นอ่อนมาก 
  4. การเตรียมเมล็ดพันธุ์ เมล็ดพันธุ์ที่จะใช้ปลูกควรหาเปอร์เซ็นต์ความงอกก่อนการนําไปปลูก เมล็ดพันธุ์ถั่วบางชนิดหากเก็บไว้เกิน 5 เดือนความงอกของเมล็ดจะลดต่ำลงกว่า 50% เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสงเป็นต้น นอกจากนี้เมล็ดพันธุ์จะต้องสะอาดไม่มีสิ่งเจือปน ควรคัดเอาเมล็ดลีบออกให้หมดเวลาปลูกจะได้งอกสมํ่าเสมอ 
  5. อัตราของเมล็ดพันธุ์ที่ใช้ปลูก พืชปุ๋ยสดที่ปลูกเพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์นิยมปลูกเป็นแถว โดยมีระยะระหว่างต้นและระหว่างแถว เพื่อสะดวกในการเก็บเกี่ยว จํานวนเมล็ดที่ใช้ปลูกต่อ 1 ไร่นั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของเมล็ดและระยะปลูก ถ้าเมล็ดขนาดเล็ก จะใช้ประมาณ 1-2 กิโลกรัม/ไร่ เมล็ดขนาดใหญ่จะใช้ประมาณ 5-6 กิโลกรัม/ไร่ 
    อัตราเมล็ดพันธุ์
    อัตราเมล็ดพันธุ์และระยะปลูกที่ใช้
  6. วิธีการปลูก มีด้วยกันหลายวิธี คือ ปลูกแบบโรยเป็นแถว หยอดเป็นหลุม และหว่านเมล็ดลงไปทั่วแปลง แต่ในการปลูกเพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์นิยมใช้วิธีการปลูกแบบโรยเป็นแถว ระยะปลูกใช้ตามคําแนะนํา โดนปลูก 3-6 แถวติต่อกันและควรเว้นทางไว้สำหรับเข้าไปพ่นยาปราบศัตรูพืช แต่ถ้าเป็นวิธีการปลูกแบบหยอดเมล็ด ให้หยอดเป็นหลุม ๆ ละ 3-5 เมล็ด แล้วกลบเมล็ด ถ้าเมล็ดเล็กไม่ควรหยอดให้ลึก แต่ถ้าเมล็ดใหญ่หยอดให้ลึกได้ จะช่วยให้การงอกดีขึ้น สําหรับเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสดที่งอกยาก เช่น โสนอินเดีย ถั่วลาย ถั่วเสี้ยนป่า ฯลฯ ควรใช้น้ำร้อนจัด 2 ส่วน ผสมนํ้าเย็น 1 ส่วน แล้วเทเมล็ดลงไปในน้ำอุ่นใช้ไม้คนให้ทั่วแช่ทิ้งไว้ 12 ชั่วโมง หรือ 1 คืน จากนั้น เทน้ำทิ้งพอเมล็ดหมาดๆ จึงนําไปปลูกได้
  7. การดูแลรักษา ในการปลูกพืชปุ๋ยสด เพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์ควรมีการพรวนดินกําจัดวัชพืช และถอนต้นที่ไม่สมบูรณ์ออกหลังจากหยอดเมล็ดไปแล้วประมาณ 7-10 วัน โดยเหลือไว้หลุมละ 2-3 ต้น การพรวนดินกลบโคนต้นควรทําเมื่อพืชอายุไม่เกิน 30 วัน จะช่วยให้พืชเจริญเติบโตเร็ว ต้นไม้ล้มง่าย
  8. การใส่ปุ๋ย แปลงพืชปุ๋ยสดควรมีการใส่ปุ๋ยเคมี เช่น ปุ๋ยร็อคฟอสเฟตอัตรา 10 กก/ไร่ หรือใช้แอมโมเนียซัลเฟต 10 กก. ผสมกับปุ๋ยแอมโมฟอส (16-20-0) 10 กก. รวม 20 กก./ไร่ ใส่หลังจากพรวนดินและกําจัดวัชพืชเมื่ออายุประมาณ 3 สัปดาห์หลังปลูก ในดินบางแห่งที่เป็นกรด จําเป็นต้องใส่ปูนขาวอัตรา 100 กก./ไร่ ก่อนใส่ปุ๋ยเคมี 
  9. การป้องกันกําจัดศัตรูพืช การปลูกพืชปุ๋ยสดเพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์ ถ้าไม่มีการป้องกันกําจัดศัตรูพืชแล้วจะเก็บเมล็ดไม่ได้ ซึ่งศัตรูของพืชปุ๋ยสดมีหลายชนิด เช่น หนอนม้วนใบ หนอนกัดกินใบ และยอดอ่อนหนอนเจาะลําต้น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจักจั่น ฯลฯ ดังนั้น จึงควรมีการตรวจดูหนอนและแมลงให้ทั่ว แปลง ตัั้งแต่ปุ๋ยสดเริ่มออกดอกไปจนกระทั่งถึงระยะติดเมล็ดในช่วงเช้าก่อนมีแสงแดด เมื่อตรวจพบก็รับฉีดยาปราบศัตรูพืชทันทีโดยใช้ ดี.ดี.ที. 25% ชนิดน้ำจํานวน 4 ช้อนต่อน้ำ1 ปี๊บ หรือดีลดริล 2-3 ช้อน ต่อน้ำ 1 ปี๊บ ทําการฉีดพ่นให้ทั่วแปลงทุกระยะ 5-7 วัน นอกจากหนอนและแมลงแล้ว ปุ่ยพืชสดบางชนิด เช่น ปอเทืองจะมีโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส โดยที่แมลงเป็นพาหะ ทําให้ใบพืชเล็ก ดอกเป็นฝอยไม่ติดฝัก ป้องกันกําจัดได้โดย หลีกเลี่ยงการปลูกพืชซํ้าที่เดิม 
  10. การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ พืชปุ๋ยสดต่างชนิดกันจะมีอายุการเก็บเกี่ยวและวิธีการเก็บเกี่ยวแตกต่างกันดังนี้
    การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์
    การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์

    ฝักของพืชปุ๋ยสดบางชนิดที่แก่แล้ว ถ้าไม่เก็บเกี่ยวเมื่อถูกแสงแดดฝักจะแตก เมล็ดร่วงลงดินหมด ถ้าฝักไม่แตกสังเกตดูสีของฝักหรือเขย่าฝักดูการเก็บฝักควรเก็บในตอนเช้า เพื่อป้องกันการแตกของฝัก แล้วขนไปตากในลานนวด ก่อนนวดต้องตากแดดไว้ 3-4 วัน ควรนวดเฉพาะตอนบ่าย เพราะฝักจะแตกง่ายและทุ่นเวลาในการนวด การนวดอาจใช้คนหรือสัตว์ยาให้ฝักแตกแล้วจึงนําไปฟาดเอาเมล็ดที่เสียและลีบออก ให้เหลือแต่เมล็ดที่สมบูรณ์ ตากแดดให้เมล็ดพันธุ์แห้งกะว่ามีความชื้นในเมล็ดไม่เกิน 15% ก่อนนําเข้าเก็บ
  11. การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด เมล็ดพันธุ์เก็บไว้นาน 5 เดือน จะมีเปอร์เซ็นต์ความงอกต่ำเมื่อนําไปปลูกทําให้ไม่งอกหรืองอกน้อย เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ฯลฯ ฉะนั้นเมื่อได้เมล็ดมาก็นําไปปลูกได้เลยไม่ควรเก็บไว้ แต่เมล็ดพันธุ์บางชนิดสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 2 ปี ก็ยัง มีเปอร์เซ็นต์ความงอกสูง เช่น ปอเทืองโสนอินเดีย ฯลฯ ฉะนั้น จึงต้องมีวิธีการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ดังนี้ คือ
    – เก็บไว้ในโอ่ง ถัง ปี๊บ ไห หรือกล่องที่สามารถปิดได้มิดชิด แมลงไม่สามารถเข้าไปได้ และอย่าเก็บไว้ในที่ชื้น
    – ใช้เมล็ดพันธุ์คลุกขี้เถ้าแกลบ
    – ใช้สารเคมีคลุกเมล็ด
ซีรูเลียม
ซีรูเลียม ลำต้นเป็นเถาเลื้อย ใบสีเขียวเข้มเป็นมัน แผ่นใบค่อนข้างหนา คล้ายใบโพธิ์

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ :
http://www.eto.ku.ac.th
https://www.flickr.com

One Comment

Add a Comment