ก้นบึ้งเล็ก เป็นพืชอาหารสัตว์ รากต้มน้ำดื่ม ดับพิษร้อนถอนพิษไข้

ก้นบึ้งเล็ก

ชื่ออื่นๆ : ก้นบึ้งเล็ก, หิ่งเม่น (เชียงใหม่) เลือดใน (ภาคกลาง)

ต้นกำเนิด :

ชื่อสามัญ : –

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Campylotropis parviflora (Kurz) Schindl. ex Gagnep.

ชื่อวงศ์ : Papilionoideae

ลักษณะของก้นบึ้งเล็ก

ต้น  เป็นพืชล้มลุกอายุปีเดียว ลำต้นตั้งตรง สูง 1.0 – 2.5 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางลำต้น 9.5 – 12.5 มิลลิเมตร ลำต้นมีขนสั้นๆปกคลุมหนาแน่น

ใบ  ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับใบย่อย 3 ใบ รูปรี (elliptic) หรือรูปขอบขนาน (oblong) ใบบนสุดกว้าง 1.1 – 3.2 เซนติเมตร ยาว 3.2 – 5.0 เซนติเมตร ใบข้างกว้าง 1.2 – 2.9 เซนติเมตร ยาว 2.6 – 4.4 เซนติเมตร หน้าใบมีขนปกคลุมหนาแน่น หลังใบมีขนน้อยมาก

ดอก  ช่อดอกยาว 10.5 – 12.8 เซนติเมตร ออกดอกที่ปลายยอด กลีบดอกสีชมพู ออกดอกมากช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม และต้นฤดูฝนพฤษภาคมถึงมิถุนายน

ผล  ผลเป็นฝักแบน ค่อนข้างกลม มี 1 เมล็ด

ก้นบึ้งเล็ก
ก้นบึ้งเล็ก ใบประกอบแบบขนนก กลีบดอกสีชมพู

การขยายพันธุ์ของก้นบึ้งเล็ก

ใช้เมล็ด

ธาตุอาหารหลักที่ก้นบึ้งเล็กต้องการ

ประโยชน์ของก้นบึ้งเล็ก

เป็นอาหารสัตว์

สรรพคุณทางยาของก้นบึ้งเล็ก

ยาพื้นบ้าน ใช้รากต้มน้ำดื่ม ดับพิษร้อนถอนพิษไข้ (วงศ์สถิต และคณะ, 2543)

คุณค่าทางโภชนาการของก้นบึ้งเล็ก

การแปรรูปของก้นบึ้งเล็ก

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11747&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com

Add a Comment