คุณประโยชน์ป้องกันโรค 12 ชนิดกับการกินกล้วยน้ำว้าแบบห่าม

กล้วยน้ำว้า

กล้วยน้ำว้า เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 3.5 เมตร ลำต้นสั้นอยู่ใต้ดิน กาบเรียงเวียนซ้อนกันเป็นลำต้นเทียม สีเขียวอ่อน ใบเป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่ ออกเรียงสลับ รูปขอบขนาน กว้าง 25-40 ซม. ยาว 1-2 เมตร ปลายใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบ สีเขียว ด้านล่างมีนวลสีขาว เส้นใบขนานกันในแนวขวาง ก้านใบเป็นร่องแคบ ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอดห้อยลง เรียกว่า หัวปลี มีใบประดับขนาดใหญ่หุ้มสีแดงเข้ม เมื่อบานจะม้วนงอขึ้น ด้านนอกมีนวล ด้านในเกลี้ยง ผลรูปรี ยาว 11-13 ซม. ผิวเรียบ ปลายเป็นจุก เนื้อในมีสีขาว พอสุกเปลือกผลเป็นสีเหลือง เนื้อมีรสหวาน รับประทานได้ หวีหนึ่งมี 10-16 ผล บางครั้งมีเมล็ด เมล็ดกลม สีดำ

กล้วยน้ำว้า
กล้วยน้ำว้า ผลรูปรี ผิวเรียบ

กล้วยห่าม

กล้วยห่าม คือ กล้วยกึ่งดิบกึ่งสุก เปลือกภายนอกสีเหลืองแต่มีสีเขียวประปราย สามารถรับประทานได้สดๆ รสชาติไม่หวานจัดอาจติดรสฝาดเล็กน้อย กล้วยห่ามมีโพแทสเซียมสูง จึงให้ผลดีกับผู้มีอาการท้องเสียเนื่องจากผู้ป่วยจะสูญเสียโพแทสเซียมออกจากร่างกายมาก ซึ่งหากขาดมากอาจมีผลกระทบกับการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้กล้วยห่ามยังช่วยหล่อลื่นลำไส้ และเพิ่มกากใยในการขับถ่ายให้กับผู้ป่วย สารเซโรโทนินในกล้วยห่ามยังช่วยออกฤทธิ์ กระตุ้นให้ผนังกระเพาะอาหารสร้างเยื่อเมือกมากขึ้น ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย

การกินกล้วยน้ำว้าห่ามทุกวันๆ ละ 4 ลูก แบ่งกินเช้า 2 ผล เย็น 2 ผล ไม่นานก็หายป่วยปลิดทิ้ง เพราะกล้วยน้ำว้าห่ามมีสารช่วยสมานแผล ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้อย่างดี

การกินกล้วยน้ำว้าเป็นประจำจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 20 ปี ได้รับคุณประโยชน์จากกล้วยน้ำว้าอย่างล้นหลามและน่าอัศจรรย์ เพราะกล้วยน้ำว้าอุดมไปด้วยกรดอมิโน อาร์จีนิน ฮีสตีดินซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่มีในน้ำนมแม่ คนจึงนำมาบดให้กับข้าวให้ลูกกิน

ลักษณะของกล้วย
ลักษณะของกล้วย กล้วยห่าม เปลือกภายนอกสีเขียวเข้ม

คุณประโยชน์ป้องกันโรค 12 ชนิด

  1. กินกล้วยน้ำว้าห่ามแล้วอารมณ์ดี มีความสุข เพราะกล้วยน้ำว้ามีสารทริปโตเฟน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตฮอร์โมนเอ็นโดรฟีน
  2. ขจัดความเครียด ช่วยให้หลับสบาย และช่วยต้านภาวะซึมเศร้าได้ด้วย เพราะกล้วยน้ำว้ามีสารทริปโตเฟน ทำให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ควรกินก่อนอาหารเย็น 1 ลูก และหลังอาหารเย็น 1 ลูก
  3. แก้ท้องผูก เพราะมีกากใย ไฟเบอร์สูง กระตุ้นการขับถ่าย ทำให้อุจจาระนุ่ม ขับถ่ายง่าย ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ โรคกระเพาะ มะเร็งตับ และบรรเทาอาการโรคริดสีดวงทวาร
  4. แก้อาการท้องเสีย เพราะกล้วยน้ำว่าห่ามมีสารแทนนินที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่วยป้องกันผนังกระเพาะลำไส้ถูกทำลายซึ่งเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย
  5. ลดความดัน เพราะมีสารโพเแทสเซียมจะช่วยขับโซเดียมออกจากร่างกายผ่านเหงื่อ ปัสสาวะ
  6. ชะลอชรา ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า เพราะมีสารเบต้าแคโรทีน วิตามินซีสูง และสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอวัย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล
  7. ลดความอ้วน ควบคุมน้ำหนัก เพราะกล้วยน้ำว้าห่าม 1 ผล มีน้ำตาลน้ำตาลเชิงเดียว คือกรูโคสและ ฟรุกโตส ประมาณ 1 ช้อนชา เมื่อกินเข้าไปแล้วร่างกายนำไปใช้ได้ทันที ทำให้รู้สึกมีแรง ควรกินก่อนออกกำลัง หรือกินก่อนมื้ออาหาร 1 ผล ทำให้ กินข้าวต่อมื้อลดลง และลดความอยากอาหาร
  8. ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงเริ่มเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนและผู้หญิงสูงอายุ เพราะกล้วยน้ำว้าห่าม มีแคลเซียมสูง หากนำไปปิ้งหรือต้มปริมาณแคลเซียมจะเพิ่มขึ้น 5-6 เท่า แนะกินกล้วยป้ิงหรือต้มวันละ 1 ลูก จะได้แคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอ
  9. ดีท็อกซ์ลำไส้ ช่วยให้ถ่ายง่ายแล้ว ลำไส้สะอาด เพราะช่วยกำจัดแบคทีเรียที่เกิดจากการกินเนื้อสัตว์มากจนอุจาระมีกลิ่นเหม็น แนะนำให้กินกล้วยน้ำว้าห่ามวันละ 4 ลูกเป็นเวลา 1 อาทิตย์ อุจจาระไม่เหม็น
  10. แก้ปัญหาปากเป็นแผล ร้อนใน ช่วยให้ปากไม่เหม็น
  11. ป้องกันโรคโลหิตจาง เพราะกล้วยน้ำว้าห่ามมีธาตุเหล็ก
  12. บำรุงเหงือกและช่วยป้องกันฟันผุ จากแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซี

วิธีกินกล้วยน้ำว้าห่ามให้ได้ประโยชน์

ลักษณะกล้วยน้ำว้าห่ามที่เหมาะกับการกินเพื่อสุขภาพที่ดี การปอกเปลือกแล้วเนื้อไม่เละ เปลือกมีปุยติด และรสชาติไม่หวาน วิธีการกินกล้วยน้ำว้าห่ามที่ถูกต้อง ปอกเปลือกจากบนลงล่าง เริ่มกินจากข้างบนลงไป คำแรกๆ จะรู้สึกฝาดจากยางกล้วย แต่ยางนี้คือ ยาวิเศษ มีส่วนผสมของเพคติน ช่วยรักษาแผลในปาก ช่วยเคลือบกระเพาะป้องกันการเกิดโรคกระเพาะและกรดไหลย้อน โรคทางเดินอาหาร ค่อยๆ กินและเคี้ยวให้ละเอียดจนกินถึงปลายลูก ยางกล้วยจะค่อยๆ หมด จนกินคำสุดท้ายจะได้รสชาติหวานพอดี

เป็นยังไงกันบ้างค่ะ ประโยชน์ของกล้วยน้ำว้าห่ามเยอะขนาดนี้ ใครที่เคยเมิน คงต้องกลับมาคิดใหม่ ทำใหม่ หากอยากสวย สุขภาพดี เวลาไปจ่ายตลาดหรือเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต อย่าลืมซื้อกล้วยน้ำว้ามาติดบ้านไว้นะค่ะ

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ :
https://cofact.org
https:// www.community.or.th
https://www.flickr.com

3 Comments

Add a Comment