ต้นหอมญี่ปุ่น มีประโยชน์กับคุณแม่หลังคลอด ใช้เป็นผักสำหรับช่วยเพิ่มน้ำนม

ต้นหอมญี่ปุ่น

ชื่ออื่นๆ :

ต้นกำเนิด : ประเทศญี่ปุ่น

ชื่อสามัญ : Japanese Bunching Onion

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Allium fistulosum L.

ชื่อวงศ์ : Alliaceae

ลักษณะของต้นหอมญี่ปุ่น

มีระบบรากแบบรากฝอยและมีขนราก ลำต้นจริงมีลักษณะเป็นแผ่นอยู่ระหว่างรากและใบ ใบเป็นหลอดยาวขนาดใหญ่ จำนวน 6-7 ใบต่อต้น ใบนอกเป็นใบแก่ จำนวน 4 ใบ และใบอ่อนจะอยู่ด้านในจำนวน 2-3 ใบ ส่วนของกายใบ หรือ ลำต้นเทียมมีหน้าที่สะสมอาหารเป็นส่วนที่นำมาบริโภค ดอกผสมตัวเองหรือผสมข้าม

ต้นหอมญี่ปุ่น
ต้นหอมญี่ปุ่น ใบเป็นหลอดยาวขนาดใหญ่

การขยายพันธุ์ของต้นหอมญี่ปุ่น

การใช้เมล็ดและการแยกกอ

ธาตุอาหารหลักที่ต้นหอมญี่ปุ่นต้องการ

ประโยชน์ของต้นหอมญี่ปุ่น

  • การทำอาหารจากต้นหอมญี่ปุ่น เช่น ใช้ปรุงรสในน้ำซุป ตับผัดต้นหอม ต้นหอมย่าง หรือทำสุกี้ เป็นต้น
  • ต้นหอมมีประโยชน์ต่อคุณแม่ให้นมบุตร ต้นหอมถูกใช้เป็นผักสำหรับช่วยเพิ่มน้ำนมในคุณแม่แรกคลอดที่ต้องให้นมลูก ทำให้มีน้ำนมไหลมากขึ้น
  • ช่วยแก้อาการท้องผูก ช่วยระบาย
  • ช่วยแก้หวัดได้ ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก แก้หวัด น้ำมูกไหล และแก้ไข้
  • ช่วยยับยั้งการเกิดโรคมะเร็ง และมีฤทธิ์ลดอาการอักเสบ ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย
ลำต้นหอมญี่ปุ่น
ลำต้นหอมญี่ปุ่น ลำต้นสีขาว ใบสีเขียว มีรากฝอยและมีขนราก

สรรพคุณทางยาของต้นหอมญี่ปุ่น

คุณค่าทางโภชนาการของต้นหอมญี่ปุ่น

ต้นหอมญี่ปุ่น 100 กรัมให้พลังงาน 32 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย

  • คาร์โบไฮเดรต 7.34 กรัม
  • น้ำตาล 2.33 กรัม
  • เส้นใยอาหาร 2.6 กรัม
  • ไขมัน 0.19 กรัม
  • โปรตีน  1.83 กรัม
  • น้ำ  89.83กรัม
  • วิตามินเอ  996 หน่วยสากล
  • วิตามินบี 1  0.055 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 2  0.080 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 3  0.525 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 6  0.061 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี  18.8 มิลลิกรัม
  • วิตามินอี  1.13 มิลลิกรัม
  • วิตามินเค 207 ไมโครกรัม
  • โฟเลต 64 ไมโครกรัม
  • ธาตุแคลเซียม 72 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 1.48 มิลลิกรัม
  • ธาตุแมกนีเซียม 20 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 37 มิลลิกรัม
  • ธาตุโพแทสเซียม 276 มิลลิกรัม
  • ธาตุโซเดียม 16 มิลลิกรัม
  • ธาตุสังกะสี 0.39 มิลลิกรัม

การแปรรูปของต้นหอมญี่ปุ่น

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11304&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com

One Comment

Add a Comment