มะเนียงน้ำ เนื้อไม้ใช้ทำฟืน ยอดอ่อนนำไปลวกกินจิ้มน้ำพริก

มะเนียงน้ำ

ชื่ออื่นๆ : ขล่ำปอง (ภาคเหนือ); จอบือ (กะเหรี่ยง-กำแพงเพชร); จอหว่อปื่อ (ละว้า-เชียงใหม่); ปวกน้ำ (ลำปาง); โปตานา (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี); มะเกียน้ำ, มะเนียงน้ำ, หมากขล่ำปอง (ภาคเหนือ)

ต้นกำเนิด :

ชื่อสามัญ : East Himalayan horse chestnut

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aesculus assamica Griff.

ชื่อวงศ์ : Sapindaceae (Hippocastanaceae)

ลักษณะของมะเนียงน้ำ

ต้น : ไม้ยืนต้น ไม่ผลัดใบ มีความสูง 15 – 20 เมตร เปลือกต้นเรียบ

ใบ : ใบ ประกอบเป็นแฉกรอบๆ เป็นใบย่อยปลายดี 6-7 ใบ ใบย่อยกลางมีขนาดโตกว่าใบย่อยข้างตามลำดับ ปลายใบแหลมหรือเรียวแหลม โคนใบสอบรูปลิ่มขอบใบเรียบเส้นใบข้าง 18-24 คู่ ผิวใบย่อเป็นลอน

ดอก : ดอก ออกเป็นช่อยาว 30-60 ซม. อยู่ที่ปลายกิ่งโผล่ขึ้นเหนือใบเห็นได้เด่นชัด ดอกย่อยแต่ละดอกมีขนาด 2.5-3.0 ซม สีขาว มีสีเหลืองปนชมพู่ประตรงกลาง กลีบดอก 4 กลีรบ ขนาดไม่เท่ากันและคอดที่ฐาน

ผล : ผล ขนาดประมาณ 2.7 ซม สีน้ำตาลภายในมี 3 เสี้ยว และมีเมล็ดใหญ่ 1-3 เม็ด

มะเนียงน้ำ
มะเนียงน้ำ ไม้ต้นไม่ผลัดใบ ใบประกอบเป็นแฉกรอบ

การขยายพันธุ์ของมะเนียงน้ำ

การเพาะเมล็ด

ธาตุอาหารหลักที่มะเนียงน้ำต้องการ

ประโยชน์ของมะเนียงน้ำ

  • ยอดอ่อน นำไปลวกกินจิ้มน้ำพริก
  • เนื้อไม้ ใช้ทำฟืน
  • เปลือกต้นหรือราก ทุบแล้วนำไปแช่ในน้ำ เพื่อเบื่อปลา
ผลมะเนียงน้ำ
ผลมะเนียงน้ำ ผลสีน้ำตาล

สรรพคุณทางยาของมะเนียงน้ำ

  • ผล นำมาฝนบนก้อนหิน แล้วเอามาทาบริเวณหน้าอกหรือ เต้านม แก้อาการปวดเต้านมที่น้ำนมไม่ไหล หรือทาฝีจะทำ ให้ยุบลง
  • บคั้นหยอดตาแก้อักเสบ

คุณค่าทางโภชนาการของมะเนียงน้ำ

การแปรรูปของมะเนียงน้ำ

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11144&SystemType=BEDO
https://www.dnp.go.th
https://www.flickr.com

Add a Comment