วิธีการปลูกมะขามเทศ ไม้ผลที่เจริญเติบโตเร็ว ทนทานต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี

มะขามเทศ

มะขามเทศ พบเห็นกระจายอยู่แทบทุกภาคของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นริมถนนหนทาง สวนหลังบ้าน หรือท้องทุ่งนา หรือเกิดขึ้นเองในที่รกร้าง เพราะเป็นไม้ผลที่เจริญเติบโตเร็ว ทนทานต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี ไม่ค่อยมีปัญหาโรค-แมลงศัตรู เหมาะที่จะปลูกไว้เป็นร่มเงาและพืชบํารุงดิน

มะขามเทศเป็นพืชที่ปลูกง่าย เพียงปีเดียวก็เริ่ม ให้ผลผลิตแล้วและถ้าเป็นพันธุ์ดีฝักโตรสหวานมันจะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 30-40 บาท และมีวางขายในห้างสรรพสินค้าชนิดฝักใหญ่รสชาติดี ราคากิโลกรัมละ 120 บาท

แหล่งปลูกที่สำคัญ คือ อําเภอดําเนินสะดวก อ.เมือง จ.ราชบุรี ซึ่งปลูกแบบยกร่อง แก้ปัญหาน้ำ ท่วมในฤดูฝนได้ ที่อําเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี และอีกหลายจังหวัดเช่น สมุทรสงคราม, สุพรรณบุรี, สมุทรสาคร, กาญจนบุรี และในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็พบปลูกมากเช่นกัน

การปลูกมะขามเทศเหมือนกับไม้ผลอื่นๆ มีการขุดหลุม เตรียมหลุมปลูก และใช้ระยะปลูกเช่น เดียวกับไม้ผลอื่นๆ ซึ่ง ในระยะต้นเล็กสามารถปลูกพืชอื่นแซมได้ เช่น มะม่วง, ฝรั่ง, กล้วย ฯลฯ เมื่อปลูกแล้วรดนน้ำทุกวัน จนต้นมันแข็งแรง จากนั้นก็ทิ้งระยะเวลาการให้น้ำประมาณ 4-5 วัน/ครั้ง ก็ได้ ทั้งนี้เพราะรากหาอาหารได้ไกล และทนแล้ง เมื่อโตเต็มที่แล้วแทบไม่ต้องให้น้ำ นอกจากได้รับน้ำฝนตาม ธรรมชาติก็เจริญเติบโตอยู่รอดได้ แต่ถ้ามีการให้นาและให้ปุ๋ยเพิ่มเติมจะทําให้ได้ผลผลิตมากยิ่งขึ้น

มะขามเทศ
มะขามเทศ ผลเป็นฝักโค้ง สีเขียวกึ่งสีแดง

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

มะขามเทศเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในเกือบทุกสภาพพื้นที่ทนสภาพแล้ง และทนดินเค็ม แต่ถ้าจะปลูกแบบเป็นการค้าต้องคํานึงถึงแหล่งน้ำและตลาด เป็นสําคัญเพราะฝักที่มีคุณภาพดีต้องมีการดูแลเรื่องการให้น้ำอย่างพอเพียง นอกจากนี้แล้วการขนส่งผลผลิตจากแหล่งปลูกไปยังตลาดต้องทําได้สะดวก เพราะฝักมะขามเทศที่เก็บมาแล้วจะเก็บได้ไม่นาน จะเน่าเสียต้องรีบขายทันที

ประโยชน์ของมะขามเทศ

มะขามเทศเป็นพืชเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น เกษตรกรจํานวนไมน้อยนิยมปลูกมะขามเทศเป็นพืชเสริมรายได้และยังนำไปใช้ประโยชน์ได้อีกหลากหลายอาทิ ปลูกเป็นรั้วเพราะมีแนวทรงพุ่มแน่นกิ่งเหนียวมีหนาม พบเห็นได้ตามสถานีรถไฟหลายแห่งเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื้อไม้จะแข็งนําไปใช้ประโยชน์เป็นไม้ใช้สอย และทําฟืน

นอกจากนี้ยังทนต่อความแห้งแล้วและปลูกได้ในดินเค็มอย่างเช่น ในภาคอีสานโดยไม่ต้องดูแลมาก ส่วนหนึ่งนิยมปลูกเพื่อรับประทานฝัก เวลาออกฝักก็ทยอยออกเรื่อยๆ ทําให้เก็บขายได้เรื่อย ๆ ซึ่งฝักดิบนั้น แกะเปลือกเขียวออก นําเนื้อมานึ่ง จะมีรสหวาน นํามาปรุงแทนผักได้ เช่น ใส่แกงส้ม ผัดผัก ยําต่าง ๆ หรือจิ้มน้ำพริกก็ได้

ประโยชน์ทางอ้อม

ประโยชน์ทางอ้อมของมะขามเทศยังมีมาก เช่น ปลูกในระบบ “วนเกษตร” ซึ่งหมายถึงระบบการจัดการจัดการที่ดินโดยอาศัยการป่าไม้เป็นหลักร่วมกับการเกษตรทุกแขนง การปลูกเป็นพันธุ์ไม้เพื่อฟื้นฟูสภาพดินที่เสื่อมโทรม เนื่องจากมะขามเทศเป็นพืชตระกูลถั่วปลูกเป็นแนวกันลมและทํารั้วใช้เป็นอาหารสัตว์ก็ได้ และสุดท้ายใช้ฝักเป็นอาหาร

ต้นมะขามเทศ
ต้นมะขามเทศ ไม้ต้นขนาดกลาง ใบประกอบแบบขนนก

ลักษณะพันธุ์และการขยายพันธุ์

เนื่องจากการคัดเลือกพันธุ์มะขามเทศ ยังไม่มีการคัดเลือกพันธุ์ไว้อย่างชัดเจน จึงได้มีผู้แบ่งพันธุ์มะขามเทศไว้ 3 กลุ่ม ด้วยกันตามลักษณะของใบ ฝัก และขนาดของฝัก ดังนี้

  1. พันธุ์ฝักขนาดใหญ่
    ก.) นําหนักประมาณ 15-20 ฝักต่อกิโลกรัม เปลือกของฝักแก้มสีเขียวอ่อน ขาวปนสีแดงและ ชมพู เนื้อสีขาวปนแดงเล็กน้อย ลักษณะของฝักโค้งเป็นวงกลม ถ้าฝักยาวจะม้วนเป็นเกลียว รสชาติหวานมันค่อนข้างนุ่ม ทรงพุ่มใหญ่และแผ่ออกด้านข้าง มีหนามยาวกว่าพันธุ์อื่นๆ ใบค่อนข้างใหญ่กว่าพันธุ์พื้นเมือง ลักษณะใบกลมรีปลายเป็นหยักจํานวน 4 ใบต่อก้านใบ ขนาดใบกว้างประมาณ 2-2.5 ซ.ม.
    ข.) น้ำหนักประมาณ 15-20 ฝักต่อกิโลกรัม เปลือกของฝักแก้มสีเขียวอ่อนปนสีชมพูอ่อนๆ แตกต่างจากพันธุ์แรกคือ เปลือกสีเขียวกว่าลักษณะของฝักโค้งเป็นวงกลม รสชาติหวานมันค่อนข้างนุ่มทรงพุ่มใหญ่ มีหนามยาว ใบใหญ่ ปลายใบมน
    ค.) น้ำหนักประมาณ 17-20 ฝักต่อกิโลกรัม เปลือกของฝักแก้มสีเขียวอ่อน ลักษณะของฝักโค้งเป็นวงกลม เนื้อสีขาว รสชาติหวานมัน ทรงพุ่มใหญ่ ลักษณะใบกลม ปลายใบมน
  2. พันธุ์ฝักขนาดกลาง
    ก.) น้ำหนักประมาณ 20-30 ฝักต่อกิโลกรัม เปลือกของฝักแก้มสีเขียวอ่อนปนสีชมพูกึ่งแดงลักษณะของฝักโคังเป็นวงกลม ทรงพุ่ม เป็นวงกลม รสชาติหวานมันใบค่อนข้างใหญ่ไม่ค่อยมีหนามหรือหนามเล็กมาก
    ข.) น้ำหนักประมาณ 20-30 ฝักต่อกิโลกรัม เปลือกของฝักแก้มสีเขียวอ่อนปนสีชมพูกึ่งกลางลักษณะของฝักโคังเป็นวงกลม รสชาติหวานมัน ขนาดใบปานกลาง
    ค.) หนักประมาณ 20-30 ฝักต่อกิโลกรัม เปลือกของฝักแก่มีสีเขียวอ่อนปนแดงเนื้อสีขาวปนแดง ลักษณะของฝักโค้งเป็นวงกลม ทรงพุ่มใหญ่ ขยายข้างแบบวงกลม มีรสชาติหวานมันขนาดใบปานกลางมีหนามยาว
  3. พันธุ์พื้นเมือง
    น้ำหนักประมาณ 30 ฝักขึ้น ไปต่อกิโลกรัม เปลือกของฝักแก้มสีเขียวปนชมพูกึ่งแดง ลักษณะของฝักน้ำหนักแก่มีสีเขียวปนสีชมพูกึ่งแดง ลักษณะของฝักโค้งเป็นวงกลม ทรงพุ่มค่อนข้างใหญ่เป็นวงกลม รสชาติหวานมันปนฝาด ขนาดใบปานกลางค่อนข้างเล็ก ลักษณะใบกลมรี ปลายใบมน มีหนามค่อนข้างมาก

การขยายพันธุ์

มะขามเทศ สามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธี เช่น การเปลี่ยนยอด การทาบกิ่ง การตอน แต่ที่นิยมได้แก่ การตอน แต่ต้นที่ได้จากการปลูกวิธีเพาะเมล็ดจะทนแล้งได้ดีมาก

เทคนิคการตอนกิ่งมะขามเทศ

ต้องควั่นกิ่งที่บริเวณใต้ตาประมาณ 1 นิ้ว ใช้มีด คมควั่นเปลือกนอกแล้วลอกออกให้รอยควั่น กว้างประมาณ 1 นิ้ว แล้วใช้ขุยมะพร้าวแช่นํ้าหมาดๆ พอรอยแผลโดยใช้ถุงพลาสติกหุ้ม ใช้เชือกผูกหัวและท้ายมัดให้แน่น ทิ้งไว้อย่างนั้นโดยไม่ต้องรดน้ำประมาณ 20-25 วัน โดยใช้หลักพิจารณาว่าเป็นกิ่งเล็กหรือกิ่งใหญ่ ถ้ากิ่งเล็กก็ประมาณ 20 วัน ถ้ากิ่ง ใหญ่ก็เลื่อนเป็น 24-25วัน จึงตัดไปปักชํา เมื่อตัดกิ่ง ตอนจากต้นลงถุงเพาะชํา จะต้องทิ้งไว้อีกประมาณ 2 อาทิตย์ จึงนําไปปลูกได้ การตอนควรทําในช่วงฤดูฝนจะได้ผลดี

เมล็ดมะขามเทศ
เมล็ดมะขามเทศ เมล็ดรูปไข่กลับ สีดำเข้ม

การปลูกและปฏิบัติดูแลรักษา

การปลูก
การเตรียมดิน ควรขุดหลุมปลูกให้มีขนาดอย่างน้อย 50 x 50 x 50 เซนติเมตร ตากดินไว้อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ผสมดินปลูกด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ประมาณหลุมละ 2-3 ปุ๋ยกี๋

การปลูก มะขามเทศสามารถปลูกได้ทั้งแบบยกร่องและเป็นพื้นที่ราบแบบยกร่องและเป็นพื้นที่ราบ แบบยกร่องจะใช้ระยะปลูกประมาณ 8-10 x 8-10 เมตร ใน 1 ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 16-25 ต้น ส่วนในพื้นที่ราบจะใช้ระยะปลูกประมาณ 10-12 x 10-12 เมตร ในพื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 10-16 ต้น

การปฏิบัติดูแลรักษา

การให้น้ำ ควรมีการให้นํ้าอย่างสมําเสมอทั้งในมะขามเทศต้นเล็กและต้นโต สําหรับมะขามเทศต้นโตควรงดให้น้ำในช่วงก่อนออกดอกเช่นเดียวกับไม้ผลชนิดอื่นๆ เพื่อให้มะขามเทศพักตัวสะสมอาหารเตรียมความพร้อมที่จะออกดอก และเมื่อมะขามเทศติดดอกออกฝักแล้ว จึงเริ่มให้นํ้าตามปกติ แต่ควรระวังในช่วงที่ฝักเริ่มแก่เพราะถ้าให้นาในช่วงนี้มากเกินไปจะทําให้คุณภาพฝักไม่ดี ฝักแตกเร็วขึ้นเมื่อเนื้อไม่แน่นและรสชาติไม่ดี

การใส่ปุ๋ย แบ่งออกเป็น 3 ช่วงที่สําคัญคือ

  1. หลังจากเก็บผลผลิตและตัดแต่งกิ่ง ใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16
  2. ก่อนออกดอก ใส่ปุ๋ยที่มีธาตุ ไนโตรเจนต่ำๆ เช่น 8-24-24  9-24-24
  3. ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ในช่วงฝักเริ่มแก่เพื่อปรับปรุงคุณภาพเนื้อให้มีรสชาติดีขึ้น

โรคและแมลง

เนื่องจากมะขามเทศเป็นไม้ผลที่มีปัญหาเรื่องโรคและแมลงน้อยในช่วงออกดอกใหม่ๆ ใช้สารฆ่าแมลงผสมสารกันราฉีดพ่นเพื่อให้ติด ฝักดก ส่วนปัญหาเรื่องแมลงกัดกินผิวและเมล็ด ใช้สารไมแทคพ่นทุก 15-20 วัน และหยุดเมื่อฝักมะขามเทศเริ่มแตกส่วนโรคราใช้สารยูคาร์โฟนฉีดพ่น

การพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงจึงควรพ่นเท่าที่จําเป็นจริง ๆ และควรหยุดก่อนเก็บฝักอย่างน้อย 15 วัน เพื่อป้องกันสารเคมีตกค้างในฝัก ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เพราะมะขามเทศเมื่อใกล้เก็บเกี่ยวเนื้อจะปริพองทําให้เปลือกของฝักแตกออก สารเคมีสัมผัสได้โดยตรงเมื่อทําการพ่นสารกําจัดศัตรูพืช

การบำรุงดินโดยการปลูกมะขามเทศ

การปลูกมะขามเทศถือว่าเป็นวิธีบำรุงดินแนวทางหนึ่ง เนื้องจากความเป็นพืชตระกูลถั่วมีใบไม้ใหญ่เกินไปจึงสลายตัวได้ง่ายเมื่อฝนตกหรือเปียกชื้น เราอาจปลูกมะขามเทศเพื่อ หวังการขายฝักมะขามเทศมัน เช่น พันธุ์ฝักใหญ่ไร่หนาม ซึ่งฝักใหญ่สมํ่าเสมอทั้งต้น การผลิตอาหารเลี้ยงต้นได้มากก็ต้องมีใบมาก, เราก็ปล่อยให้ทั้งต้นมีใบมาก แต่เมื่อมีใบรุ่นใหม่ทดแทนเพียงพอแล้วใบแก่ก็จะค่อยๆ ร่วงหล่นลงพื้นใต้ต้น เราก็กวาดทั้งใบแห่งผสมกับเศษดิน, และปุ๋ยอินทรีย์ต่างๆ ไปตากแห้งแล้วบรรจุถุงขายได้

หรือปลูกมะขามเทศตามแนวรั้ว, ตามคันนา, ใบที่ร่วงหล่นลงไปในไร่นาก็ทําหน้าที่เป็นวัถตุบารุงดินโดยอัตโนมัติ สำหรับป่าที่เสื่อมโทรมรอการฟื้นฟูสามารถเพิ่มความสมบูรณ์ให้มากขึ้นโดยการใช้เมล็ดมะขามเทศหว่านกระจายไปบางๆ ในส่วนป่า พอได้ฝนเมล็ดก็ จะงอกแล้วแทงต้นสูงขึ้นมารับแสงแดดเบื้องบน ใบของมะขามเทศจะกลายเป็นอาหารสัตว์ในกรณีของมะขามเทศหนามกุดหรือหนามนิ่มหรือไร่หนาม

เมื่อเติบโตพอก็ออกฝักกลายเป็นอาหารของนก ค้างคาว หนู กระรอก กระแต และของคน เมื่ออยู่ในป่าก็เพิ่มสีสันของป่าโดยมีสัตว์ต่างๆ มาคอยกินฝักแก่ นกจะรู้ดีและเลือกลงกินต้นที่มีรสมัน หรือฝักมีรสฝาดน้อย การปลูกเป็นการค้าจึงต้องมีการขับไล่นกเอี้ยงและนกอื่นๆ ที่ลงมาแย่งกินผลผลิต แต่ในสวนนกนั้นการปลูกมะขามเทศมันไว้จะได้ทั้งอาหารนก, และการบํารุงดินรอบข้างไปพร้อมกันถ้าป่าต้นน้ำมีพืชถั่วมาก น้ำก็มีปุ๋ยมากด้วย

เทคนิคการปลูกให้ออกก่อนฤดู

หลังจากตัดแต่งกิ่งไปแล้ว ในเดือนตุลาคม ก็เริ่มอดนํ้าหรือปล่อยนําออกจากร่องสวน ถ้าอากาศแห้งจะใช้เวลา 20-25 วัน จึงเริ่มปล่อยนําเข้าร่องสวน แล้วให้ปุ๋ยสูตร 12-24-12 เพื่อเร่งสร้างตาดอก

มะขามเทศจะเริ่มออกดอกในเดือนพฤศจิกายน ใช้ฮอร์โมนเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ดอก ติดฝักมากขึ้นและช่วงออกดอกนี้ จะมีการฉีดพ่นแลนเนท 1-2 ครั้ง เพื่อป้องกันหนอนเจาะดอก โดยผสมกับสารป้องกันเชื้อราด้วย เมื่อมะขามเทศติดฝักแล้ว ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 บํารุงต้นและทําให้ติดฝักดก และเก็บเกี่ยวฝักได้ ประมาณเดือนธันวาคม-มกราคม ทยอยเก็บได้เรื่อยๆ หลายครั้งซึ่งขายได้ราคาดีมาก เพราะปกติมะขามเทศจะเก็บเกี่ยวผลได้ในช่วงมีนาคม-เมษายน ดังนั้นช่วงที่มะขามเทศออกก่อนฤดู จะขายได้ราคาถึงกิโลกรัมละ 80-100 บาท (ในซูเปอร์มาร์เก็ตที่กรุงเทพฯ ราคา 120 บาท) ส่วนช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ราคากิโลกรัมละ 30-50 บาท

มะขามเทศ
มะขามเทศ ฝักอ่อนสีเขียว ผลสุกสีแดง

ข้อจำกัดฝักมะขามเทศเน่าเสียเร็ว

ในสภาวะปัจจุบัน ตลาดมะขามเทศมันฝักใหญ่ ยังไปได้ดีมีราคาสูง และราคาสูงมากเมื่อ ผลิตได้นอกฤดู แต่มีข้อเสียบ้าง คือ เมื่อเก็บฝักมาแล้ว ต้องรีบขายโดยเร็วหรือระหว่างการขนส่งมายังตลาดต้องอยู่ในอากาศเย็น เพราะผลผลิตจะเสียได้ง่าย คือ เปลือกจะแห้ง และเนื้อ จะเน่ารสชาติเปลี่ยนไปไม่น่ารับประทาน ซึ่งข้อจํากัดนี้ทำให้ผู้ปลูกมะขามเทศต้องคิดตัดสินใจให้ดีหากจะขยายพื้นที่ปลูกแล้ว จะมีปัญหาเรื่อง การเก็บฝัก ต้องมีการจัดการเรื่องการเก็บเกี่ยวให้ถึงตลาดอย่างรวเร็วจะขายได้ราคาดี่วนเรื่องอื่นๆ ยังไม่มีปัญหามากนัก

ราคาขาย

ราคา ณ วันที่ 30 มีนาคม 2565

  • มะขามเทศ (ใหญ่สวย) ราคากิโลกรัมละ 40 บาท / มะขามเทศ (เล็กสวย) ราคากิโลกรัมละ 25 บาท

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ :
http://www.eto.ku.ac.th
https://www.simummuangmarket.com
https://www.flickr.com

Add a Comment