ต้นสนสามใบ ไม้ต้นขนาดใหญ่ เปลือกต้นแตกล่อนเป็นสะเก็ดตื้น

สนสามใบ

ชื่ออื่นๆ : เกี๊ยะเปลือกแดง (ภาคเหนือ) เกี๊ยะเปลือกบาง (Chiang Mai) จ๋วง chuang (ภาคเหนือ, ภาคตะวันออกฉียงเหนือ) เชี้ยงบั้ง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) แปก (เพชรบูรณ์, เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน) สนเขา, สนสามใบ (ภาคกลาง)

ต้นกำเนิด : ประเทศพม่า 

ชื่อสามัญ : Benguet pine, Khasi pine, Khasia pine, Luzon pine, Three-needled pine

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pinus kesiya Royal ex Gordon

ชื่อวงศ์ : PINACEAE

ลักษณะของสนสามใบ

ต้น เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูงถึง 35 – 45 เมตร ลำต้นตรงเปลา มีเรือนยอดเป็นพุ่มกลม เปลือกต้นแตกล่อนเป็นสะเก็ดตื้น รูปตาข่าย เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลแกมสีชมพู และจะแตกหลุดออกเป็นเกล็ดหรือแผ่นเมื่อต้นมีอายุเต็มวัยแล้ว

ใบ เล็กเรียวคล้ายเข็มอยู่เป็นกระจุก กระจุกละ 3 ใบ

ดอก ออกดอกเป็นช่อ ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อสีเหลืองแบบหางกระรอก โดยจะออกใกล้ ๆ กับปลายกิ่ง ช่อหนึ่งยาวได้ประมาณ 2-4 เซนติเมตร ส่วนดอกเพศเมียออกดอกเดี่ยวหรืออย่างมากจะออกไม่เกิน 3 ดอก โดยจะออกตามกิ่ง ออกดอกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม

ผล ผลเป็นโคน มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง โคนป้อมปลายสอบ มีขนาดกว้างประมาณ 5-8 เซนติเมตร ผลเมื่อแก่จะแยกออกเป็นกลีบแข็ง แต่บริเวณโคนกลีบยังคงติดอยู่กับแกนกลางของผล ภายในมีเมล็ดรูปรีมีครีบบาง ๆ ซึ่งยาวกว่าเมล็ดสี่เท่า ส่วนก้านผลยาวได้ประมาณ 0.5 เซนติเมตร โดยจะติดผลในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม

ต้นสนสามใบ
ต้นสนสามใบ ลำต้นเปลาตรง ตกล่อนเป็นสะเก็ดตื้น

 

ใบสนสามใบ
ใบสนสามใบ ออกเป็นช่อสีเหลืองแบบหางกระรอก

การขยายพันธุ์ของสนสามใบ

การเพาะเมล็ด

ธาตุอาหารหลักที่สนสามใบต้องการ

ประโยชน์ของสนสามใบ

  • เนื้อไม้ใช้ในงานก่อสร้างที่อาศัยหรือใช้ทำเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่อยู่ในร่มได้ดี เช่น ตู้ โต๊ะ เตียง ทำฝา พื้น รอด ตง กระดานดำ ไม้บุผนัง เครื่องเรือน เฟอร์นิเจอร์ ลังใส่ของ เครื่องดนตรี เสากระโดงเรือ ใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง จุดไฟ ฯลฯ และยังมีคุณสมบัติเหมาะที่จะนำไปใช้เยื่อหรือทำกระดาษได้อีกด้วย
  • ส่วนยางนำมากลั่นทำเป็นน้ำมันและชันสน น้ำมันใช้ผสมยาทำการบูรเทียม ทำน้ำมันชักเงา ทำบู่ ใช้ผสมสี
  • ชันใช้ผสมกับยารักษาโรค หรือใช้ในกิจการอุตสาหกรรม ทำกาว กระดาษ น้ำมันวานิช และยางสังเคราะห์ หรือใช้ถูคันชักของเครื่องดนตรีบางชนิด เช่น ซออู้ ซอด้วง ไวโอลิน ฯลฯ ใช้ทำน้ำมันชักเงา สีย้อมผ้า ชันที่กลั่นได้จากน้ำมันสนดิบใช้ย้อมสีผ้า ผ้าดอก เป็นต้น
  • ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับได้ดี เนื่องจากรูปทรงของลำต้นเปลาตรง เป็นพุ่มเรือนยอดที่ดูสวยงาม ใบสดตลอดปี ให้ร่มเงาได้กว้างและไม่ทึบจนเกินไป ส่วนใบที่ร่วงหล่นเหมือนพรมที่ปูรองเท้าได้อย่างดี นอนก็นุ่มสบาย อีกทั้งยังขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ เพราะขยายพันธุ์ตามธรรมชาติได้ดี เมื่อถ่ายภาพก็ออกมาดูสวยงาม จึงเป็นที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในเชิงอนุรักษ์ต้นน้ำลำธารได้อีกด้วย
  • พรรณไม้ประจำจังหวัดเลย  โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถได้พระราชทานให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดของแต่ละจังหวัด เพื่อให้นำไปปลูกเป็นสิริมงคลแก่จังหวัดและเพื่อเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนปลูกต้นไม้ใน “โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ” เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ทรงครบรอบปีที่ 50 ในการครองราชสมบัติ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2537

สรรพคุณทางยาของสนสามใบ

  1. ชาวเขาเผ่าแม้วจะใช้แก่นต้นสนสามใบ ผสมกับก้านและใบขี้เหล็กอเมริกา, ใบคว่ำตายหงายเป็น, และใบสับปะรด ยำมาต้มอบไอน้ำ เป็นยาบำรุงกำลังสำหรับคนติดฝิ่น (แก่น)
  2. แก่นมีสรรพคุณเป็นยาระงับประสาท แก่ฟุ้งซ่าน (แก่น)
  3. ใช้เป็นยาปิดธาตุ (ชันสน)
  4. ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย (แก่น)
  5. แก่นใช้ต้มหรือฝนกินเป็นยาแก้ไข้ (แก่น)
  6. กระพี้มีรสขมเผ็ดมัน ใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไข้สันนิบาต (กระพี้)
  7. ช่วยแก้เสมหะ (แก่น)
  8. ช่วยแก้คลื่นเหียนอาเจียน (แก่น)
  9. ตำรายาพื้นบ้านล้านนาจะใช้แก่นต้นสนสามใบเป็นยาแก้เหงือกบวม (แก่น)
  10. ช่วยกระจายลม (แก่น)
  11. ตำรายาไทยจะใช้แก่นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้บิด แก้ท้องร่วง ท้องเดิน ปวดท้อง (แก่น)
  12. ชันสนใช้เป็นยาแก้บิด (ชันสน)
  13. น้ำมันสนใช้หยดลงในน้ำร้อนประคบท้องแก้ท้องบวม แก้ลำไส้พิการ และช่วยแก้มดลูกอักเสบ (น้ำมันสน)
  14. ใบและเปลือกใช้ต้มกับน้ำเป็นยาแก้ผดผื่นคันตามผิวหนังตามร่างกาย (ใบ,เปลือก)
  15. ตำรายาพื้นบ้านล้านนาจะใช้แก่นเป็นยารักษาโรคทางเดินปัสสาวะ (แก่น)
  16. ยางสนมีสรรพคุณเป็นยาสมานแผล (ยาง)
  17. น้ำมันสนมีรสเผ็ดร้อน ใช้เป็นยาทาแก้เคล็ดขัดยอก อักเสบบวม (น้ำมันสน)
  18. แก่นมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงไขกระดูกและไขข้อ (แก่น)
  19. ยางสน ใช้ผสมยาทาถูนวดแก้ปวดเมื่อย (ยาง)

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของสนสามใบ

  • สารสกัดจากกิ่งสนสามใบ มีสารออกฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว โดยมีศักยภาพทำให้เซลล์มะเร็งค่อย ๆ สลายตัวไปจากการทำลายตัวเองจากภายใน ซึ่งกระบวนการนี้จะเป็นผลดีอย่างมากต่อการรักษาโรคมะเร็ง เนื่องจากมีเพียงเซลล์มะเร็งเท่านั้นที่ตายลงไป และไม่มีผลต่อการทำลายเซลล์ปกติที่อยู่ข้างเคียง ร่างกายจึงไม่เกิดอาการอักเสบขึ้นและไม่มีผลข้างเคียงจากการใช้ยา (ภญ.รศ.ดร.นาถธิดา วีระปรียากูร หัวหน้าทีมวิจัย) (กิ่ง)

คุณค่าทางโภชนาการของสนสามใบ

การแปรรูปของสนสามใบ

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th
www.dnp.go.th
www.forprod.forest.go.th
www.khaolan.redcross.or.th
www.flickr.com

One Comment

Add a Comment