อะโวคาโดสายพันธุ์ไหนอร่อยที่สุด พร้อมภาพประกอบ 7 พันธุ์ปลูกในไทย

อะโวคาโด

ต้นอะโวคาโด มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและหมู่เกาะเวนต์อินดีส ย้อนกลับไปในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 โดยชาวสเปนได้มีการนำไปปลูกที่ประเทศเปรู ต่อมาเมื่อในศตวรรษที่ 18 ก็ได้แพร่กระจายหรือเป็นที่นิยมในการปลูกอยู่ที่รัฐฟลอริดา และรัฐแคลิฟอร์เนีย สำหรับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 200 ปีที่แล้ว ประเทศฟิลิปปินส์เป็นประเทศแรกที่ได้มีการปลูกต้นอะโวคาโด และหลังจากนั้น จึงได้มีการนำเข้ามาปลูกในประเทศไทย โดยเริ่มปลูกครั้งแรกที่จังหวัดน่าน

อะโวคาโด
อะโวคาโด ผลกลมรีหรือทรงลูกแพร์ มีทั้งพันธุ์เปลือกหนาและเปลือกบาง

อะโวคาโดแบ่งเป็น 3 เผ่า ดังต่อไปนี้

  1. เผ่ากัวเตมาลา
    ลักษณะของผลจะมีสีเขียว โดยผลขรุขระส่วนเมล็ดจะกลมเล็ก มีเนื้อหนา แต่ก็มีไขมันสูงเช่นเดียวกัน โดยสายพันธุ์นี้จะชื่นชอบอากาศที่หนาวเย็นจนถึงปานกลาง  ได้แก่ 
     –  พันธุ์แฮส (Hass) ผลรูปแพร์ ผิวขรุขระมาก ผิวสีเขียวเข้ม เมื่อสุกอาจเป็นสีเขียวหรือม่วงเข้ม ผลมีขนาดเล็กน้ำหนักประมาณ 200-300 กรัมถือว่า เป็นพันธุ์การค้าอันดับ 1 ของโลกเนื่องจากมีรสชาติที่ดีที่สุด
     –  พันธุ์พิงค์เคอตัน (Pinkerton) ผลขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ผลค่อนข้างกลม น้ำหนักผล 200 – 300 กรัม เนื้อสีเหลืองอมเขียว เมล็ดใหญ่อยู่ในช่องเมล็ดแน่น เนื้อสีเหลืองอมเขียว รสชาติดี
  2. เผ่าอินดีสตะวันตก
    ลักษณะผลจะมีผิวเรียบ สีเขียวอมเหลืองและเปลือกค่อนข้างหนา โดยเมล็ดจะอยู่ในผลอย่างหลวมๆ รสชาติจะมีความมันและออกหวานนิดๆ ส่วนไขมันจะน้อย สามารถเจริญเติบโตได้ในอากาศที่ร้อน  เช่น พันธุ์ปีเตอร์สัน (Peterson)
  3. เผ่าเม็กซิโก
    โดยทั่วไปแล้วจะมีลักษณะเปลือกที่บาง และผลเล็กมีผิวเรียบ เมื่อแก่จัดแล้วผลจะมีสีม่วง เปลือกหุ้มเมล็ดบางแต่เมล็ดจะใหญ่อยู่ในผลอย่างหลวมๆ โดยสายพันธุ์นี้จะมีไขมันในปริมาณมากที่สุด เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆนอกจากนั้นยังสามารถทนต่ออากาศหนาวเย็นได้ดีอีกด้วย

อะโวคาโดสายพันธุ์ที่มีการปลูกในประเทศไทย

  • พันธุ์แฮสส์ (Hass) ช่วงเก็บเกี่ยวผลเดือนธันวาคม –กุมภาพันธ์ ในประเทศไทยสามารถปลูกได้ผลค่อนข้างน้อยเพราะค่อนข้างอ่อนแอต่อโรคและแมลง ทำให้ราคาแม้จะปลูกในประเทศไทยแต่พันธ์แฮสส์ ยังคงมีราคาสูง
  • บูธ 7 (Booth-7)  เหมาะปลูกในประเทศไทย ค่อนข้างทนต่อโรค ดูแลรักษาง่าย ออกผลดก และมีผลขนาดใหญ่ เหมาะที่จะขายในตลาดทั่วไป ตลาดท้องถิ่น ลักษณะผลค่อนข้างกลม ผลขนาดกลางน้ำหนักประมาณ 300-500 กรัม ผิวผลขรุขระ สีเขียว เปลือกหนา เนื้อสีเหลืองอ่อน รสดี เมล็ดขนาดกลาง ติดอยู่ในช่องเมล็ดแน่น เมื่อสุกแก่จะมีรอยจุดสีน้ำตาล มีไขมัน 7-14 เปอร์เซ็นต์ ช่วงเก็บเกี่ยวผลช่วงเดือน ตุลาคม ถึง ธันวาคม
  • ปีเตอร์สัน (Peterson)  ช่วงเก็บเกี่ยวผล กรกฎาคม – กันยายน เหมาะปลูกในประเทศไทย ข้อดีคือสามารถเก็บเกี่ยวได้เร็ว ผลดก ปลูกและดูแลรักษาได้ง่าย เหมาะที่จะขายในตลาดทั่วไป ตลาดท้องถิ่น ไม่เหมาะที่จะส่งออก ราคา
  • ฟูเอร์เต (Fuerte)  ผลรูปแพร์ ผิวขรุขระเล็กน้อย ผิวสีเขียวเข้ม เนื้อสีเหลืองครีม เมล็ดขนาดกลาง น้ำหนักผลประมาณ 150-300 กรัม รสดี ช่วงเก็บเกี่ยวผลเดือนตุลาคม – ธันวาคม ค่อนข้างอ่อนแอต่อโรค
  • บัคคาเนียร์ (Buccanear) เหมาะปลูกในประเทศไทยน้ำหนักผลระหว่าง 250-400 กรัม ลักษณะผลที่แก่เก็บเกี่ยวได้ สีของผลจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเล็กน้อยเกิดจุดประสีน้ำตาลบนผล และเยื่อหุ้มเมล็ดจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เนื้อข้างในสีจะออกเขียวเหลือง ช่วงเก็บเกี่ยวผลประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม

อะโวคาโดพันธุ์ไหนอร่อยที่สุด ที่มีจำหน่ายตามท้องตลาด

  1. พันธุ์แฮสส์ ( Hass ) 
    อะโวคาโด พันธุ์ไหนอร่อยสุด คงต้องยกให้สายพันธุ์ Hass  เป็นอะโวคาโดที่รสชาติดีที่สุด รสชาติมันนัว ไม่ขม หอมอร่อย เนื้อเนียนเหนียว ไม่มีเสี้ยน  สายพันธุ์นี้เปลือกจะเป็นหลุ่มเป็นบ่อ เปลือกมีสีเขียว ชาติอร่อย จึงเป็นที่นิยมทั่วโลก ไม่ว่าจะทานเฉยๆ ปั่นเป็นสมูทตี้ แม้กระทั่งเป็นสลัด ก็อร่อยได้กับสายพันธุ์นี้
    อะโวคาโดพันธุ์แฮสส์
    อะโวคาโดพันธุ์แฮสส์ รู ปร่างผลเป็นรูปไข่กลับ ผิวขรุขระมาก
  2. บัคคาเนียร์ ( Buccanear ) 
    เป็นอะโวคาโดพันธุ์ที่ลูกโต ลูกดก เมื่อสุกเปลือกจะมีสีเขียว รสชาติคล้ายพันธุ์แฮสต์ เนื้อเนียน อร่อย
    อะโวคาโดบัคคาเนีย
    อะโวคาโดบัคคาเนีย ผลจะค่อนข้างกลม เนื้อเนียน
  3. พันธุ์พิงเคอร์ตัน ( Pinkerton )
     เป็นอะโวคาโดพันธุ์ที่ผลค่อนข้างเรียวเป็นรูปไข่ เปลือกผิวขรุขระ มีผิวที่เข้มกว่าสายพันธุ์อื่นๆ เมล็ดเล็กกว่า  เมื่อสุกจะยังเป็นสีเขียว ลูกใหญ่ ปลูกง่าย เนื้อเยอะ เนียน เหนียวหนึบ รสชาติ Nutty flavor รสคล้ายถั่ว เปลือกปลอกง่าย
    อะโวคาโดพันธุ์พิงเคอร์ตัน
    อะโวคาโดพันธุ์พิงเคอร์ตัน ผลค่อนข้างเรียวเป็นรูปไข่ เปลือกผิวขรุขระ
  4. พันธุ์ปีเตอร์สัน ( Peterson )
    ผลจะค่อนข้างกลม ผิวเรียบ เนื้อสีเหลืองอมเขียว รสชาติติดหวานอ่อนๆ
    อะโวคาโดพันธุ์ปีเตอร์สัน
    อะโวคาโดพันธุ์ปีเตอร์สัน ผลจะค่อนข้างกลม ผิวเรียบ
  5. พันธุ์บูท 7 ( Booth 7 )
    ผลจะค่อนข้างกลม ลูกไม่ใหญ่มาก ปลูกได้ง่ายในประเทศไทย เมื่อสุกจัดเปลือกจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงหรือดำ รสชาติอร่อย เนื้อเหนียว ราคาไม่แพงมาก 
    อะโวคาโดพันธุ์บูธ 7
    อะโวคาโดพันธุ์บูธ 7 ผลค่อนข้างกลม ลูกไม่ใหญ่มาก
  6. อะโวคาโด พันธุ์บูท 8 ( Booth 8 )
    ผลจะค่อนข้างกลม และเล็ก เปลือกขรุขระเล็กน้อย เนื้อเนียน คล้ายพันธุ์บัคคาเนียร์ แต่ลูกเล็กกว่า รสชาติกลางๆ
    อะโวคาโดพันธุ์บูท 8
    อะโวคาโดพันธุ์บูท 8 ผลรูปไข่ ผิวสีเขียว เกิดจุดสีน้ำตาลบนผล
  7. พันธุ์ A.034
    เป็นอะโวคาโดที่มีผลเรียวยาว ต่างจากพันธุ์อื่นๆ เมื่อสุกแล้วเปลือกจะยังเป็นสีเขียว เป็นอะโวคาโดที่เกินจากการผสมมาจากพันธุ์แฮสกับพันธุ์ RUSSELL เมื่อสุกจัด เนื้อจะเหนียว เนียน หวานอร่อย แต่ถ้ายังไม่สุกจัด เนื้อจะมีรสขมปน
    อะโวคาโดพันธุ์ A034
    อะโวคาโดพันธุ์ A034 ผลยาว ผลดิบเปลือกผลสีเขียวแข็ง

ถ้าพูดตามคะแนนนิยมอะโวคาโด พันธุ์ไหนอร่อยสุดคงจะเป็นพันธุ์แฮสส์ ( Hass ) ที่สามารถหามาทานได้ทั้งปี และยังเป็นที่นิยมของทั่วโลก สามารถหามาทานได้ทั้งปี

ข้อควรระวัง
ไม่ควรทานเกินวันละ 1 ลูก เพราะเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง

สามารถติดตามความรู้เเกี่ยวกับการเกษตร เพิ่มเติมได้ที่ เกษตรตำบล.คอม

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : www.dnp.go.th, https://อาหารสุขภาพ.cc
ภาพประกอบ : www.youtube.com, www.twitter.com, www.shopee.co.th, FB บ้านสวนพันธุ์ไม้ จำหน่ายพันธุ์ไม้ทุกชนิด ทั้งปลีกและส่ง, FB อะโวคาโด้ เมืองเหนือ

One Comment

Add a Comment