พืชสมุนไพรแก้โรคกระเพาะอาหาร สมุนไพรระบบทางเดินอาหาร

สมุนไพรใกล้ตัว บรรเทาโรคกระเพาะ

สมุนไพรโรคกระเพาะอาหารที่หาได้ใกล้ตัว และบางชนิดยังป็นผลไม้รักษาโรคกระเพาะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย ช่วยลดการรับประทานยารักษษโรคกระเพาะที่ค่อนข้างกินยากสำหรับบางคน

โรคกระเพาะอาหารเกิดขึ้นได้กับทุกคน ยิ่งในสมัยนี้ยิ่งเป็นกันมาขึ้น โดยเฉพาะวัยทำงานที่อาจรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา หรือมีควมเครียดจากการทำงานจนส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารแผลงฤทธิ์จนเกิดอาการของโรคกระเพาะอาหารขึ้นได้ ซึ่งการรักษาโรคกระเพาะอาหารส่วนมากก็จะได้รับยาลดกรด ยาเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร ที่บางคนบอกว่ากินยากเหลือเกินไม่ว่าจะเป็นชนิดเม็ดที่ต้องเคี้ยวหรือชนิดน้ำที่รสฝาดติดลิ้นติดคอ ดังนั้นวันนี้จึงขอนำเสนอสมุนไพรรักษาโรคกระเพาะอาหาร ระบบทางเดินอาหาร ที่ช่วยบรรเทาอาการได้จริงและยังเป็นสมุนไพรใกล้ตัวเราอีกด้วย มีอะไรกันบ้างนั้นมาดูเลยค่ะ

1. ขมิ้นชัน

น้ำมันหอมระเยในขมิ้นชันมีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นจุกเสียด ขับลม จึงนิยมนำขมิ้นมาใช้สมานแผลในกระเพาะะอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ รักษาโรคกระเพาะอาหาร โดยคนที่ซื้อขมิ้นชันแบบผงมารับประทานเอง ให้ใช้ขมิ้นชันผง 1 ช้อนชา ผสามน้ำ 1 แก้ว (ไม่เต็ม) แล้วรับประทาน ขมิ้นชันที่ไหลผ่านอวัยวะภายในต่างๆ สามารถบำรุงอวัยวะส่วนนั้นได้ด้วย คือผ่านลำคอ จะช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ลำคอ ผ่านปอดจะช่วยดูแลปอดให้หายใจได้ดีขึ้น ผ่านม้ามจะช่วยลดไขมัน ไม่ให้น้ำเหลืองเสีย ผ่านกระเพาะอาหารจะช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ผ่านลำไส้จะส่วยสมานแผลในลำไส้ และผ่านตับก็จะช่วยบำรุงตับ ล้างไขมันในตับ

ขมิ้นชัน
ขมิ้นชัน เป็นพรรณไม้ล้มลุก มีเหง้าจำนวนมาก

2. ว่านหางจระเข้

วุ้นสดของว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ดี โดยวิธีใช้ให้เลือกใช้ใบล่างสุดของต้นก่อน น้ำมาล้างน้ำให้สะอาด ปอกเปลือกสีเขียวออก ล้างน้ำยางสีเหลืองออกให้หมด เพราะอาจระคายเคืองผิวหนังและทำให้มีอาการแพ้ได้ จากนั้นขูดเอาวุ้นใสมารับประทานวันละ 2 ครั้ง 

ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้ ใบหนาและยาว โคนใบใหญ่ ส่วนปลายใบแหลม ขอบใบเป็นหนามแหลม

3. กระเจี๊ยบเขียว

คือเป็นสมุนไพรช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้มีงานวิจัยที่พบว่าสารประกอบไกลโคไซเลต (Glycosylated compounds) เป็นการเกาะเยื่อยุผิวของกระเพาะอาหาร ซึ่งแบคทีเรียตัวนี้ยังเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร แต่สารไกลโคไซเลต มีฤทธิ์ลดลงเมื่อถูกความร้อน ดังนั้นตำรับยาสำหรับรักษาโรคกระเพาะจึงให้ใช้ฝักอ่อนกระเจี๊ยบเขียว หั่นตากแดด บดให้ละเอียด กินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ โดยนำมาละลายในน้ำ นม น้ำผลไม้หรืออาหารอ่อนๆ กินวันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร(เวลาละลายจะได้น้ำยาเหนียวๆ)

กระเจี๊ยบเขียว
กระเจี๊ยบเขียว ผักยาวสีเขียว

4. ลูกยอ 

ลูกยอมีฤทธิ์ขม โดยสรรพคุณเด่นของลูกยอจะช่วยรักษาโรคกรดไหลย้อนได้ดีกว่า ทว่าผลจาการใช้ลูกยอรักษาโรคกรดไหลย้อน ยังดีต่อกระเพาะอาหารด้วย เนื่องจากสารในลูกยอจะช่วยเร่งการสมานแผลของกระเพาะอาหาร ทั้งยังช่วยลดการอักเสบเฉียบพลันของกระเพาะอาหารเนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์อีกด้วย

ลูกยอ
ลูกยอ รูปทรงกลมหรือรี มีตาหรือตุ่มรอบๆ ผล

5. เปล้าน้อย

เปล้าน้อยเป็นสมุนไพรที่มีสาร Disterpene alcohol มีฤทธิ์สมานแผลในกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดี และยังสามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหารเนื่องจากสามารถกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อบุลำไส้ที่เสียไป ทำให้แผลในกระเพาะอาหารหายเร็วขึ้น รวมทั้งเปล่าน้อยยังมีสรรพคุณช่วยลดการหลังกรดในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย โดยวิธีใช้ให้นำใบอ่อนไปตากแห้งบดให้ละเอียดและนำมาต้มหรือชงน้ำดื่ม

เปล้าน้อย
เปล้าน้อย ไม้ต้นขนาดเล็ก ใบเดี่ยว รูปใบหอกกลับ

6. หัวปลี

หัวปลีไม่ได้เป็นแค่สมุนไพรบำรุงน้ำนมของแม่ลูกอ่อนเท่านั้น แต่ยางจากหัวปลียังมีฤทธิ์ช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหารให้เราได้ด้วย โดยวิธีใช้ให้นำปลีกล้วยน้ำว้ามาเผา แล้วบีบเอาแต่น้ำ กะให้ได้ประมาณครึ่งแก้ว ดื่มก่อนอาหาร รสชาติอาจจะกินยากหน่อย แต่โบราณบอกว่า ถ้ากินติดต่อกันได้ 3 วันอาการของโรคกระเพาะอาหารอาจหายขาด

หัวปลี
หัวปลี ในหัวปลีจะมีช่อดอกย่อยอยู่

7. มะขามป้อม

มะขามป้อมมีรสเปรี้ยว ฝาด ขม รสชาติคล้ายสมอไทย โดยมะขามป้อมเองก็มีสรรพคุณช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ลดกรดเกินในกระเพาะอาหารและบำรุงอวัยวะในร่างกายได้หลายส่วนรวมทั้งกระเพาะอาหารด้วย ซึ่งวิธีกินมะขามป้อมรักษาโรคกระเพาะให้กินผงลูกมะขามป้อมวันละ 4 ครั้ง ครั้งละ 1-2 ช้อนชา ก่อนอาหารและก่อนนอน

มะขามป้อม
มะขามป้อม ผลกลม ผิวเรียบ ผลอ่อนสีเขียวอมเหลือง

8. กล้วย

ในเนื้อและเปลือกกล้วยมีเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารที่มีผลยังยั้งการหลั่งของน้ำย่อยของกระเพาะอาหาร และกระตุ้นให้ลำไส้เล็กบีบตัวมากขึ้น จึงช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ โดยวิธีใช้ก็แค่น้ำกล้วยน้ำว้าดิบที่แก่จัดทั้งลูก (ทั้งเปลือก) นำมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วหั่นขวางลูกเป็นชิ้นบางๆ เหมือนหั่นแตงกวาใส่ข้าวผัด เสร็จแล้วนำไปเกลี่ยใส่ถาด อย่าให้ชิ้นกล้วยซ้อนกันมากนัก ตากแดดจัดๆ สักสามแดด แล้วจึงนำมาใส่ครกตำให้ละเอียด โดยนำมาตำในขณะเก็บจากแดดใหม่ๆ เพราะกล้วยยังกรอบอยู่จะทำให้ตำละเอียดง่าย จากนั้นเก็บใส่ขวดปากกว้างที่มีฝาปิดได้สนิทใช้ครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำค่อนแก้วกินหลงอาหารทุกมือก็จะช่วยให้อาการดีขึ้น

กล้วยน้ำว้า
กล้วยน้ำว้า ผลรี ผิวเรียบ ปลายเป็นจุก เนื้อในมีสีขาว

9. ฝรั่ง

ฝรั่งมีสารแทนนินอยู่มาก สารนี้มีฤทธิ์ฝาดสมาน และสารแทนนินใฝรั่งยังยับยั้งการลุกลามของเชื้อโรค ช่วยสมานท้องและลำไส้ ช่วยลดอาการอักเสบของกระเพาะลำไส้ และช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ทั้งยังช่วยอาการเกร็งตัวของลำไส้ ทำให้อาการปวดท้องปรรเทาลงได้ ดังนั้นใครเป็นโรคกระเพาะอาหารก็กินฝรั่งบรรเทาอาการได้เลย

ฝรั่ง
ฝรั่ง ผลรูปทรงกลม สีผิวเกลี้ยง

10. กะหล่ำปลี

ผักอย่างกะหล่ำปลีมีวิตามินซีสูง อีกทั้งในกะหล่ำปลียังมีสารอาหารกลูตามีนช่วยกระตุ้นให้กระเพาะอาหารสร้างเยื่อบุผนังกระเพาะได้รวดเร็ว ทำให้แผลในกระเพาะอาหารสำไส้หายได้เร็ว จึงใช้เป็นอาหารในการรักษาโรคกระเพาะได้ดี โดยวิธีกินแนะนำให้กินสด หรือคั้นเป็นน้ำกะหล่ำปลีแล้วดื่ม ซึ่งจะคงคุณค่าสารอาหารได้ดีกว่านำไปปรุงสุก

กะหล่ำปลี
กะหล่ำปลี เป็นทรงกลม เปลือกสีเขียว

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : www.edu.dru.ac.th
ภาพประกอบ : www.flickr.com

 

One Comment

Add a Comment