วิธีปลูกฟักทอง วิธีเตรียมดิน การปลูก ฟักทอง ราคา ฟักทอง ถือว่าราคาดี

ความรู้วิชาการเกษตร หมวดนี้สำหรับรวบรวม ความรู้ทางการเกษตร ทุกรูปแบบ
ทัศวรรณ อ่อนพรมราช
โพสต์: 11
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 07 ม.ค. 2017 12:45 am

วิธีปลูกฟักทอง วิธีเตรียมดิน การปลูก ฟักทอง ราคา ฟักทอง ถือว่าราคาดี

ข้อมูล โดย ทัศวรรณ อ่อนพรมราช »

วิธีปลูกฟักทอง วิธีเตรียมดิน การปลูก ฟักทอง ราคา ฟักทอง ถือว่าราคาดี เมื่อเทียบ ราคาต่อผล หรือต่อหน่วย

ฟักทอง แบ่งออกเป็น 2 ตระกูลหลักๆ
คือ
1. ตระกูลฟักทองอเมริกัน ผลใหญ่ เนื้อยุ่ย
2. ตระกูลสควอช ซึ่งได้แก่ฟักทองไทยและฟักทองญี่ปุ่น

โดยฟักทองไทยจะมีผิวของผลขณะยังอ่อนจะเป็นสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสลับเขียว ผิวมีลักษณะขรุขระเล็กน้อย เปลือกจะแข็ง เนื้อด้านในเป็นสีเหลือง

การเตรียมดินปลูกฟักทอง
การเตรียมหลุมขุดโดยจะขุดหลุมขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 1 เมตร ลึก 30 เซนติเมตร แล้วตากแดดไว้ 3 วัน ในระหว่างนั้นทำการเตรียมเมล็ดพันธุ์ด้วยการนำไปแช่น้ำอุ่น ที่ 45 องศา นาน 2 ชั่วโมง แล้วนำมาห่อด้วยผ้า 48 ชั่วโมง จากนั้นนำเมล็ดที่งอกแล้วหรือที่เกษตรกรเรียกว่าแตกตาขาวไปหยอดหลุมที่เตรียมไว้ หลุมละ 2 เมล็ด

หลุมปลูกรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักระยะปลูก 22.5 เมตร ใน 7 วันแรกรดน้ำวันละ 1 ครั้ง ใช้สารป้องกันกำจัดแมลง เช่น จิ้งหรีด และแมลงเต่าทอง อายุ 1 เดือนหลังจากปลูกดูแลแปลงปลูกด้วยการตัดยอดฟักทอง ประมาณ 45-50 วัน ฟักทองจะเริ่มออกดอกและผสมเกสรได้แล้ว

การผสมเกสรช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ 06.00 - 08.30 น. จำนวนการผสมเกสรใน 1 เถาว์ ผสมประมาณ 12 ดอก และหากดอกที่ 1 ไม่ติด ก็จะผสมเกสรดอกที่ 2 และที่ 3 ต่อ การสังเกตว่าติดผลหรือไม่ เกษตรกรจะดูจากสีและขนาดของผล คือผลที่ติดจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว สีจะเขียวสด ไม่เหี่ยวอายุนับจากปลูกถึงเก็บเกี่ยว 75-85 วัน

ในการให้น้ำจะให้โดยใช้การตักรดแต่ละหลุม โดยให้น้ำทุกวันหรือวันเว้นวัน วันเว้นสองวัน กำจัดวัชพืชและแมลงเป็นประจำ

โรคและสัตรูฟักทอง
คือ โรคราน้ำค้าง โรคราแป้ง ราสนิม
ศัตรูที่สำคัญ คือ หนู


ฤดูที่เหมาะสมในการปลูกฟักทอง
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลูกคือช่วงเดือน พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว
นับจากปลูกถึงเก็บเกี่ยว 75-85 วัน

ประโยชน์ ฟักทอง
ฟักทองนับเป็นผลผลิตจากพืชที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมายที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 วิตามินซี วิตามินอี ฟอสฟอรัส แคลเซียม โพแทสเซียม โซเดียม แมงกานีส เหล็ก ซิงค์ เป็นต้น

และยังเป็นอาหารเพื่อสุขภาพของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ด้วยฟักทองมีกากใยที่สูง มีแคลอรีและไขมันน้อย เพียงแค่รับประทานฟักทองหนึ่งถ้วยหรือ 3 กรัม จะทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น

ย้อนกลับไปยัง “ความรู้วิชาการเกษตร”