ส้มสา
ชื่ออื่นๆ : ตุด, เม็ดชุนตัวผู้ (พังงา) ถั่ว, ฤาษีเสก, หว้าโละ (ชัยนาท) ส้มสา, ส้มส้าอินสัมปัดถา (เลย) เส่ข่อโผ่ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน) หม่อนอ่อน (เงี้ยว เชียงใหม่) เอี่ยบ๊วย (จีน)
ต้นกำเนิด :
ชื่อสามัญ : Bayberry, Box myrtle
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Myrica esculenta Buch.-Ham ex D.Don
ชื่อวงศ์ : MYRICACEAE
ลักษณะของส้มสา
ต้น เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 4-10 เมตร เป็นพืชที่ไม่ผลัดใบ มีการแตกกิ่งจำนวนมากหรือลำต้นสั้นและคดงอ เปลือกลำต้นอ่อน สีเทาหรือสีน้ำตาล เปลือกต้นมีรอยแตกตามยาว เปลือกชั้นในสีแดงอมส้ม มีรสขม

ใบ แผ่นใบเป็นรูปรี แคบ หรือเป็นรูปหอก ใบอ่อนมีขนสีออกชมพู ใบแก่เหนียว สีเขียวเป็นมัน มีจุดน้ำยางเหนียวกระจายทั่วผิว

ดอก ช่อดอกออกที่ซอกใบเป็นช่อเชิงลด ยาว 2-4 ซม. แกนกลางเป็นข้อต่อ ดอกขนาดเล็กมาก เป็นช่อแน่น ไม่มีกลีบเลี้ยงและกลีบดอก ดอกตัวผู้สีแดง ดอกตัวเมียสีเขียว ออกดอกเดือน มี.ค.-เม.ย.

ผล ผลรูปรีหรือกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5-2 ซม. ผลมีเนื้อนุ่ม ผิวมีตุ่มเล็กๆ ขรุขระเมื่อสุกมีสีแดง

การขยายพันธุ์ของส้มสา
การเพาะเมล็ด, การเพาะจากกิ่งตอน
ส้มสามี 2 ชนิด คือ
- ชนิดที่มีดอกสีขาว
- ชนิดที่มีดอกสีแดง
ธาตุอาหารหลักที่ส้มสาต้องการ
ประโยชน์ของส้มสา
- ผลรสหวานอมเปรี้ยวรับประทานได้หรือใช้ทำน้ำผลไม้ได้
- ในจีนใช้ เปลือกไม้เป็นแหล่งของแทนนินในการฟอกหนัง
- ไขที่หุ้มผลแยกออกได้โดยการต้ม ใช้ทำเทียนและสบู่
- ในเปลือกมีสารสีเหลืองจำพวก myrisetin, myricitrin และ glycoside ใช้ทำสีย้อมผ้าโดยย้อมผ้าฝ้ายได้สีเหลืองอมน้ำตาล
- เปลือก ใช้เบื่อปลา
- เอี่ยบ๊วย หรือ ส้มสา ผลไม้จากประเทศจีน
สรรพคุณทางยาของส้มสา
- น้ำต้มเปลือกแก้ท้องเสีย หลอดลมอักเสบและลำไส้อักเสบ
- เปลือกใช้เป็นยาสมาน ป้องกันแผลเน่า รักษาโรคบิด รูมาติก ท้องร่วง
คุณค่าทางโภชนาการของส้มสา
การแปรรูปของส้มสา
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : www.qsbg.org, www.kaijeaw.com
ภาพประกอบ : www.flickr.com
ผลใช้ทำน้ำผลไม้ได้
ส้มสา ผลเนื้อนุ่ม ผิวมีตุ่มเล็กๆ ขรุขระ