เพชรสังฆาต
ชื่ออื่นๆ : สันชะฆาต, ขันข้อ(ราชบุรี) สามร้อยต่อ (ประจวบคีรีขันธ์) สันชะควด (กรุงเทพฯ)
ต้นกำเนิด : แอฟริกา อาหรับและอินเดีย
ชื่อสามัญ : Edible – Stemed Vine, Veldt grape, Devil’s backbone, Winged treebine
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cissus quadrangularis L.
ชื่อวงศ์ : VITACEAE
ลักษณะของเพชรสังฆาต
ต้น เป็นไม้เถาเลื้อย เถาอ่อนสีเขียวเป็นสี่เหลี่ยม เป็นข้อต่อกัน มีมือสำหรับเกาะยึดออกตางข้อต่อตรงข้ามใบ
ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับตามข้อต้น รูปสามเหลี่ยม ปลายใบมน โคนใบเว้า ขอบใบหยักมนห่างๆ แผ่นใบเรียบสีเขียวเป็นมัน ก้านใบยาว 2-3 ซม.
ดอก ออกเป็นช่อตามข้อต้นตรงข้ามกับใบ ดอกสีเขียวอ่อน กลีบดอกมี 4 กลีบ โคนด้านด้านนอกมีสีแดง ด้านในสีเขียวอ่อน เมื่อบานเต็มที่ดอกจะงองุ้มไปด้านล่าง เกสรเพศผู้มี 4 อัน
ผล รูปทรงกลม ผิวเรียบเป็นมัน ผลอ่อนสีเขียว สุกสีแดงเข้มเกือบดำ เมล็ดกลม สีน้ำตาล มี 1 เมล็ด

การขยายพันธุ์ของเพชรสังฆาต
ใช้กิ่ง/ลำต้น
ธาตุอาหารหลักที่เพชรสังฆาตต้องการ
ประโยชน์ของเพชรสังฆาต
ส่วนที่ใช้ : น้ำจากต้น เถา ใบยอดอ่อน ราก
สรรพคุณทางยาของเพชรสังฆาต
- น้ำจากต้น – ใช้หยอดหู แก้น้ำหนวกไหล หยอดจมูกแก้เลือดเสียในสตรีประจำเดือนไม่ปรกติ เป็นยาธาตุเจริญอาหาร
- ใบยอดอ่อน – รักษาโรคลำไส้เกี่ยวกับอาหารไม่ย่อย
- ใบ ราก – เป็นยาพอก
- เถา – ใช้เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก
วิธีและปริมาณที่ใช้ : ยาแก้ริดสีดวงทวาร
1. ใช้เถาสด 2-3 องคุลีต่อหนึ่งมื้อ รับประทานสดๆ ถ้าเคี้ยวจะคันปากคันคอ เพราะในสมุนไพรนี้จะมีสารเป็นผลึกรูปเข็มอยู่มาก เป็นสารชนิดเดียวกันกับที่พบในต้นบอน ต้นเผือก การรับประทานจึงใช้สอดไส้ในกล้วยสุก หรือมะขาม แล้วกลืนลงไป รับประทาน 10-15 วัน จะเห็นผล
2. ใช้เถาตากแห้ง บดเป็นผง ใส่แคบซูล ขนาดเบอร์ 2 (ผงยา 250 มิลลิกรัม) รับประทานครั้งละ 2 แคบซูล วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน รับประทาน 5-7 วัน อาการจะดีขึ้น รับประทานต่อจะหาย
สารเคมี : เถา มีผลึก calcium oxalate รูปเข็มเป็นจำนวนมากต้นสด 100 กรัม ประกอบด้วย carotene 267 มก., ascorbic acid (Vitamin C.) 398 มก.
คุณค่าทางโภชนาการของเพชรสังฆาต
การแปรรูปของเพชรสังฆาต
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11629&SystemType=BEDO
www.flickr.com
ปลูกได้ทั้งแดดจัด และ แสงรำไร