แมคคาเดเมีย
ชื่ออื่นๆ : แมคคาเดเมีย (macadamia nut)
ต้นกำเนิด : ประเทศออสเตรเลีย
ชื่อสามัญ : Macadamia nut, Australian bush nut, Bauple nut, Smooth Macadamia nut, Queensland nut
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Macadamia integrifolia Maiden & Betche
ชื่อวงศ์ : PROTEACEAE
ลักษณะของแมคคาเดเมีย
ต้น เป็นไม้ไม่ผลัดใบ เขียวชอุ่มตลอดปี ลำต้นสูงตั้งตรง เมื่อโตเต็มที่สูงได้ถึง 20 เมตร ทรงพุ่มรูปสามเหลี่ยมคล้ายพีระมิด แผ่ออกกว้าง

ใบ มีลักษณะรูปหอก กลับ ใบแก่สีเขียวเข้ม ขอบใบหยักเล็กน้อย

ดอก ออกดอกเป็นช่อยาว ประมาณ 20-30 เซนติเมตร ดอกมี สีขาวหรือสีชมพูมีกลิ่นหอม ดอกเพศผู้ และดอกเพศเมียจะอยู่บนก้านดอกเดียวกัน โดยดอกเพศผู้บาน ก่อนดอกเพศเมีย ประมาณ 2 วัน ใน 1 ช่อดอก มีดอกประมาณ 300-600 ดอก โดยในแต่ละช่อดอก ติดผลประมาณ 20 ผล

ผล ผล มีเปลือกแข็งหนา

ลักษณะเปลือกแมคคาเดเมีย มี 2 ลักษณะ
- เปลือกขรุขระ
- เปลือกเรียบ มีสีเขียว
มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5 เซนติเมตร เนื้อในมีเปลือกแข็งหุ้มเรียกว่า กะลา ภายในกะลามีเมล็ดเป็นเนื้อแน่นสีขาว
การขยายพันธุ์ของแมคคาเดเมีย
การเสียบยอด ทาบกิ่ง ติดตา
วิธีปลูกแมคคาเดเมีย
การปลูกต้องเว้นระยะ 8*10 เมตร ขนาดหลุมแต่ละต้นควรมีความกว้าง*ยาว*ลึก 1 เมตรเท่ากัน แล้วเทฟอสเฟสก้นหลุม 1.5 กิโลกรัม และนำดินที่คลุกปุ๋ยคอกแล้วเทกลบเมื่อปลูกเสร็จ และรดน้ำให้ชุ่มชื้น การรดน้ำให้รดเพียง 1 ครั้งต่อสัปดาห์เป็นอย่างต่ำ แต่ในช่วงติดผลแล้วต้องให้น้ำอย่างต่อเนื่อง ช่วงครึ่งปีหลังจากปลูกต้องเริ่มตัดแต่งกิ่งให้เหลือเพียงกิ่งกระโดง 1 กิ่ง หากความสูงกิ่งเกิน 1 เมตรและยังไม่แตกกิ่งเพิ่มให้ตัดตรงยอดเพื่อให้แตกกิ่งเพิ่ม
เมื่อปลูกได้ระยะเวลา 4 ปี แมคคาเดเมียก็จะเริ่มให้ผลผลิตเล็กน้อยประมาณไม่เกิน 3 กิโลกรัม และเมื่ออายุ 10 ปีจะให้ผลผลิตต้นละไม่เกิน 20 กิโลกรัม เมื่ออายุ 20 ปีได้ผลผลิตต้นละไม่เกิน 60 กิโลกรัม และสามารถให้ผลผลิตได้นานมากกว่า 50 ปี
ประเทศไทยจะมีปลูกกันมากทั้งทางภาคเหนือ เช่น จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ และภาคอีสานที่จังหวัดเลย
ธาตุอาหารหลักที่แมคคาเดเมียต้องการ
ประโยชน์ของแมคคาเดเมีย
- เนื้อในเมล็ด รับประทานได้
- เมื่อเปรียบเทียบกับถั่วชนิดอื่น ๆ แล้ว เช่น อัลมอนด์และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แมคาเดเมีย มีไขมันสูงและโปรตีนต่ำแต่มีจำนวนของไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูงที่สุด ซึ่งมีประโยชน์มากมีปริมาณ 22% ของกรดโอเมก้า 7 ซึ่งมีผลทางชีวภาพคล้ายกับไขมันอิ่มตัว

สรรพคุณทางยาของแมคคาเดเมีย
ในแมคคาเดเมีย ยังประกอบด้วยวิตามินเกลือแร่ต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินอี ไนอะซิน โฟเลต แคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นต้น ขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งของกรดไขมันที่ดีต่อร่างกายคือเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว ได้แก่ กรดโอเลอิก (Oleic acid) สูง กรดไขมันชนิดนี้ ถ้ารับประทานมากพอหรือประมาณ 1 ฝ่ามือต่อวัน จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้ เนื่องจากผลจากการได้รับกรดไขมันชนิดนี้ จะช่วยลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดได้ทั้งชนิด LDL และค่าคอเลสเตอรอลรวมได้
คุณค่าทางโภชนาการของแมคคาเดเมีย
แม็กคาเดเมีย 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 716 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย
- คาร์โบไฮเดรต 13.2 กรัม
- ใยอาหาร 8 กรัม
- โปรตีน 7.8 กรัม
- ไขมันรวมทั้งหมด 76.1 กรัม (แบ่งเป็นไขมันอิ่มตัว 11.9 กรัม ไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว 59.3 กรัม ไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง 1.5 กรัม)
- กรดไขมันโอเมก้า -3 196 มิลลิกรัม
- โอเมก้า -6 1,303 มิลลิกรัม
การแปรรูปของแมคคาเดเมีย
นิยมนำมาเป็นขนมขบเคี้ยวกินเล่นระหว่างวัน ในรูปแบบ แมคคาเดเมียอบเกลือ รสสาหร่าย แมคคาเดเมียอบน้ำผึ้ง เคลือบน้ำตาล หรือปรุงรสต่างๆ และยังสามารถนำมาเป็นวัตถุดิบในการปรุงประกอบอาหารคาวและหวานได้ เช่น คุกกี้ เค้ก รวมถึงการประยุกต์นำมาใส่ในเครื่องดื่มปั่น เช่น กาแฟปั่นใส่แมคคาเดเมีย เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ดี ข้อแนะนำเพื่อสุขภาพที่สุดคือควรเลือกรับประทานถั่วแมคคาเดเมียที่ปรุงรสน้อยที่สุด เช่น แมคคาเดเมียอบรสธรรมชาติ เพื่อป้องกันการได้รับเกลือโซเดียมหรือน้ำตาลมากเกินไป
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : www.thaiheartfound.org, www.plant.forest.go.th, www.th.wikipedia.org, http://blog.arda.or.th
ภาพประกอบ : www.flickr.com
แมคคาเดเมีย นิยมนำมาเป็นขนมขบเคี้ยวหรืออบ ทานเล่นระหว่างวัน