ข้าวสารดอกเล็ก
ชื่ออื่นๆ : ข้าวสาร เครือข้าวสาร (ภาคกลาง) ข้าวสารดอกเล็ก (กรุงเทพฯ) เมือยสาร (ชุมพร) เคือคิก (สกลนคร) ปลายสาน ดอกข้าวสาร ผักข้าวสาร (อุดรธานี-อีสาน)
ต้นกำเนิด :
ชื่อสามัญ :
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Raphistemma hooperianum Decne.
ชื่อวงศ์ : ASCLEPIADACEAE
ลักษณะของข้าวสารดอกเล็ก
ต้น ไม้เถาเลื้อย ทุกส่วนมียางขาว เถากลมยาว
ใบ ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปไข่แกมรูปหัวใจ หรือรูปรีแกมรูปหัวใจ ขนาด 6-12 x 4-8 เซนติเมตร ปลายแหลมหรือเรียวแหลม โคนมนเว้าลึก ก้านใบยาว 3-7 เซนติเมตร
ดอก ช่อดอกออกเป็นกระจุกคล้ายซี่ร่ม ออกตามซอกใบของกิ่งอ่อน แต่ละช่อมี 4-6 ดอก ดอกสีขาวหรือสีนวล รูประฆังแกมรูปกงล้อ เส้นผ่านศูนย์กลางดอกบาน 1.2-2 เซนติเมตร แฉกรูปรี ปลายมน โคนแฉกมีรยางค์รูปใบหอก ปลายเรียวเป็นเส้นกลม
ผล ผลรูปทรงกระบอก ขนาด 8-12 x 1.5-2 เซนติเมตร ผลแก่แตกแนวเดียว เมล็ดจำนวนมาก ค่อนข้างแบน รูปรี ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ปลายด้านหนึ่งมีขนยาวเป็นพู่ กระจายไปตามลมได้ดี

การขยายพันธุ์ของข้าวสารดอกเล็ก
การเพาะเมล็ด
ธาตุอาหารหลักที่ข้าวสารดอกเล็กต้องการ
ประโยชน์ของข้าวสารดอกเล็ก
ดอกใช้แกงส้ม เถา ลอกเปลือกจิ้มน้ำพริก โคนต้นที่หมกดิน ล้างแล้วต้มลอกเปลือกนำมา เป็นผักจิ้มน้ำพริก
สรรพคุณทางยาของข้าวสารดอกเล็ก
ราก ใช้ปรุงเป็นยารักษาตา สรรพคุณแก้ตาแดง ตาแฉะ ตามัว
ส่วนในเมล็ดจะมีสาร cardiac glycoside ซึ่งเป็นพิษ เมล็ด หากกินมากเกินไปจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเป็นอัมพาตและอาจถึงแก่ชีวิตได้

คุณค่าทางโภชนาการของข้าวสารดอกเล็ก
การแปรรูปของข้าวสารดอกเล็ก
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=9941&SystemType=BEDO
http://www.botany.sc.chula.ac.th