กระดังงาจีน
ชื่ออื่นๆ : กระดังงาจีน (ภาคกลาง), สะบันงาจีน (ภาคเหนือ), การเวก สะบันงาเครือ
ต้นกำเนิด : อินเดียตอนใต้และศรีลังกา
ชื่อสามัญ : Climbing lang-lang, Ylang-ylang vine
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Artabotrys hexapetalus (L.f.) Bhandari
ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE
ลักษณะของกระดังงาจีน
ต้น ไม้เถาเนื้อแข็ง เลื้อยพาดซุ้มหรือค้าง ผิวของกิ่งก้านค่อนข้างเรียบ ยอดอ่อนมีขน
ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนานแกมรี ปลายแหลม โคนสอบ ขอบเรียบ แผ่นใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างสีจางกว่าและมีขนประปรายตามเส้นกลางใบ
ดอก ดอกออกตรงข้ามกับใบ ก้านแบนและโค้งงอคล้ายขอ ดอกใหญ่มี 1-5 ดอก ออกตามส่วนโค้งของก้านช่อดอก ดอกอ่อนสีเขียว มีขน เมื่อแก่สีเหลือง ผิวค่อนข้างเรียบ กลิ่นหอม กลีบเลี้ยง 3 กลีบ รูปสามเหลี่ยม ปลายกลีบกระดกขึ้น กลีบดอกเรียงสลับกัน 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ รูปขอบขนานปลายแหลม โคนกลีบเว้าคล้ายรูปไข่ป้อมและโค้งแนบกับโคนกลีบชั้นใน มีจุดกระสีแดงที่ด้านในของโคนกลีบ เนื้อกลีบหนา ด้านในมีสันกลางกลีบ กลีบดอกชั้นในคล้ายกลีบชั้นนอกแต่ขนาดเล็กกว่า เกสรเพศผู้เล็ก มีจำนวนมาก เกสรเพศเมียมีหลายอัน อยู่แยกกัน แต่ยอดเกสรเพศเมียมีเมือกเหนียวติดกัน ดอกดก กลิ่นหอมแรง
ผล เป็นผลกลุ่ม กลุ่มละ 4-20 ผล แต่ละผลรูปรีป้อมหรือรูปไข่กลับ ก้านผลสั้น ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง แต่ละผลมี 1-2 เมล็ด
การขยายพันธุ์ของกระดังงาจีน
เพาะเมล็ด, ปักชำ, ตอนกิ่ง
ธาตุอาหารหลักที่กระดังงาจีนต้องการ
ประโยชน์ของกระดังงาจีน
นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ปลูกเป็นซุ้มตามทางเดินริมถนนเพื่อให้ร่มเงา แต่ควรตัดแต่งอยู่เสมอ กระดังงาจีนลักษณะคล้ายกับการเวกแต่มีดอกดก กลิ่นหอมแรงกว่า ดอก มีกลิ่นหอม ใช้ทำน้ำหอมและใส่ในใบชา
สรรพคุณทางยาของกระดังงาจีน
ผล มีสรรพคุณรักษาโรคผิวหนัง
ดอกมีกลิ่นหอมนิยมนํามาสกัดน้ำมันหอมระเหย ยาหอม เอาไว้ใช้ทานวดและใช้ด้านความสวยงาม ทุกส่วนใช้เป็นยาสมุนไพรได้
คุณค่าทางโภชนาการของกระดังงาจีน
การแปรรูปของกระดังงาจีน
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11863&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com
2 Comments