กระพี้
ชื่ออื่นๆ : กระพี้จั่น, จั่น, พี้จั่น, ปี้จั่น
ต้นกำเนิด : พม่า เอเซียเขตร้อน
ชื่อสามัญ : สงวน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Millettia brandisiana Kurz
ชื่อวงศ์ : LEGUMINOSAE–PAPILIONOIDEAE
ลักษณะของกระพี้
ต้น เป็นไม้ต้น ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ผลัดใบ สูง 8 – 20 เมตร เรือนยอดทรงกลม โคนต้นเป็นพูพอน เปลือกสีน้ำตาลหรือ น้ำตาลเทาแตกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ตามกิ่งมีรอยแผลทั่วไป
ใบ ประกอบรูปขนนก ออกเวียนสลับ มีใบย่อย 7 – 21 ใบ แผ่นใบย่อยรูปรีแกมขอบขนาน กว้าง 1 – 3 เซนติเมตร ยาว 3 – 7 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม โคนมนหรือแหลม แผ่นใบบาง
ดอก ดอกคล้ายดอกถั่วสีม่วงแกมขาว ออกตามกิ่งและง่ามใบ ดอกออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงตามปลายกิ่งและเหนือรอยแผลใบ ช่อยาว 7-22 ซม. กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันคล้ายรูประฆัง ปลายแยกเป็น 5 แฉก สีม่วงดำ กลีบดอก 5 กลีบ เกสรเพศผู้ 10 อัน ดอกบานเต็มที่กว้าง 8-1 ซม. ออกดอกเดือนธันวาคม-พฤษภาคม
ผล เป็นฝักแบน โคนแคบกว่าปลาย กว้าง 2 – 2.5 เซนติเมตร ยาว 9 – 12 เซนติเมตร เปลือกเกลี้ยงหนาคล้ายแผ่นหนัง ขอบเป็นสัน เมล็ดสีน้ำตาลดำ 1 – 4 เมล็ด


การขยายพันธุ์ของกระพี้
ใช้กิ่ง, ลำต้น, ตอนกิ่ง
ธาตุอาหารหลักที่กระพี้ต้องการ
ประโยชน์ของกระพี้
- ลำต้นใช้ก่อสร้าง
- เนื้อไม้ ทำเยื่อกระดาษ ด้ามเครื่องมือการเกษตร ของเล่นเด็ก ทำดอกไม้ประดิษฐ์
- ต้นไม้ประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อให้นำไปปลูกเป็นสิริมงคลแก่จังหวัดและเพื่อเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนปลูกต้นไม้ใน “โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ” เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ทรงครบรอบปีที่ 50 ในการครองราชสมบัติ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันที่ 9 พฤษภาคม 2537
สรรพคุณทางยาของกระพี้
ส่วนที่ใช้เป็นยา : ลำต้น, เนื้อไม้, เปลือกต้น, แก่น
- เนื้อไม้ ช่วยบำรุงเลือด
- ลำต้น ยาพื้นบ้านอีสานใช้ต้มดื่มบำรุงเลือด
- เปลือกต้น ต้มน้ำใช้ชำระล้างบาดแผลเรื้อรัง
- แก่น เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย บำรุงโลหิต บำรุงธาตุและช่วยเจริญอาหาร
คุณค่าทางโภชนาการของกระพี้
การแปรรูปของกระพี้
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=9255&SystemType=BEDO
www.forest.go.th
www.flickr.com
One Comment