กลึงกล่อม
ชื่ออื่นๆ : ระทุ่มกลอง กระทุ่มคลอง กลึงกล่อม ชั่งกลอง ท้องคลอง (ราชบุรี), กำจาย (นครสวรรค์, ประจวบคีรีขันธ์), ไคร้น้ำ (อุตรดิตถ์), จิงกล่อม (ภาคใต้), ช่องคลอง (กาญจนบุรี), น้ำนอง (ปัตตานี, ภาคใต้), น้ำน้อย (เลย), ผักจ้ำ มะจ้ำ (ภาคเหนือ), มงจาม (อ่างทอง)
ต้นกำเนิด :
ชื่อสามัญ :
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Polyalthia suberosa (Roxb.) Thwaites
ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE
ลักษณะของกลึงกล่อม
ไม้พุ่มกึ่งไม้ต้น ขนาดเล็ก สูง 2-5 ม. แตกกิ่งต่ำ
ใบ เดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนานหรือรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน แผ่นใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน หรืออาจมีขนสั้นๆ เหลืออยู่ตามเส้นกลางใบ
ดอก ออกเดี่ยวๆ ตามด้านข้างของกิ่ง ตรงข้ามหรือเยื้องกับใบ หรือออกเหนือง่ามใบเล็กน้อย ก้านดอกเรียว กลีบเลี้ยง 3 กลีบ รูปไข่ ด้านนอกมีขน กลีบดอกสีเหลืองอมน้ำตาล เรียงสลับกัน 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ ขนาดใหญ่กว่ากลีบเลี้ยง เกสรเพศผู้เล็ก มีจำนวนมาก อยู่ชิดกันแน่นเป็นพุ่มกลม
ผล เป็นผลกลุ่มมีจำนวนมาก อยู่บนแกนตุ้มกลม แต่ละผลกลม ผิวเรียบ สีเขียว เมื่อสุกสีแดงถึงสีม่วงดำ มี 1-2 เมล็ด


การขยายพันธุ์ของกลึงกล่อม
ใช้เมล็ด
ธาตุอาหารหลักที่กลึงกล่อมต้องการ
ประโยชน์ของกลึงกล่อม
ปลูกเป็นไม้ประดับให้ร่มเงา ผลสุกรับประทานได้
ยอดอ่อน ผลอ่อน ใช้รับประทานเป็นผักสด หรือนำไปต้มรับประทานร่วมกับน้ำพริก ทางอาหารสำหรับชาวล้านนานั้นจะนิยมนำผักกลึงกล่อมมาเป็นส่วนผสมของอาหารประเภทส้า เช่น ส้าผัก ส้าผักรวม หรือใช้เป็นผักสดจิ้มกับน้ำพริกหรือลาบ

สรรพคุณทางยาของกลึงกล่อม
รากและเนื้อไม้ รสขมสุขุม ต้มดื่มแก้ไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้น้ำเหลืองเสีย ขับพิษภายใน
คุณค่าทางโภชนาการของกลึงกล่อม
การแปรรูปของกลึงกล่อม
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11810&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com