กล้วยงาช้าง
ชื่ออื่นๆ : กล้วยยักษ์, กล้วยโกก, กล้วยหมอนทอง
ต้นกำเนิด :
ชื่อสามัญ : Plantain
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa (AAB group) “Kluai Chang”
ชื่อวงศ์ : Musaceae (plantain subgroup)
ลักษณะของกล้วยงาช้าง
ต้น ลำต้นสูง 2 – 2.5 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 15 เซนติเมตร กาบลำต้นมีสีเขียวเข้ม
ใบ ก้านใบมีสีเขียวเข้มร่องก้านใบปิด ใบกล้วยแข็งฉีกขาดง่าย
ดอก ปลีเป็นทรงกระบอก ยาวเรียวเส้นผ่านศูนย์กลางปลี 6 – 7 เซนติเมตร ยาว 20 – 25 เซนติเมตร กาบปลีมีสีม่วงอ่อน มีนวลมาก
ผล เครือหนึ่งจำนวนผลน้อย แต่ผลมีขนาดใหญ่มาก ผลกว้าง 5 – 6 เซนติเมตร ยาว 25 – 30 เซนติเมตร ลักษณะผลคล้ายกล้วยกล้าย แต่เมื่อผลแก่เหลี่ยมผลจะหายไป ผลขนาดใหญ่ เปลือกสีเหลือง เนื้อสีส้มอมครีม รสชาติหวาน หอม เนื้อแน่นเนื้อเป็นแป้งเก็บไว้ได้นาน
การขยายพันธุ์ของกล้วยงาช้าง
การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
การปลูกเลี้ยง ขุดหลุมขนาด 30x30x30 เซนติเมตร วางหน่อลงปลูกกลางหลุม กลบดินโดยรอบให้แน่น หลังปลูก 1 เดือนให้ใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 จากนั้นให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 สลับกับปุ๋ยอินทรีย์ทุก 3 เดือน
ธาตุอาหารหลักที่กล้วยงาช้างต้องการ
ประโยชน์ของกล้วยงาช้าง
ผลใช้รับประทานสด เพราะเนื้อเหนียวและไส้แข็ง ไม่หวาน มักจะทำให้สุก เช่น ต้ม นึ่ง เผา ผลจะเหนียวขึ้นทำให้รสหวานขึ้น
สรรพคุณทางยาของกล้วยงาช้าง
คุณค่าทางโภชนาการของกล้วยงาช้าง
การแปรรูปของกล้วยงาช้าง
การแปรรูป เช่น ย่าง, เชื่อม หรือทำกล้วยฉาบ
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=9906&SystemType=BEDO
www.oer.kku.ac.th, www.suriyothai.ac.th, รวมรวมสายพันธุ์กล้วย
3 Comments