มะม่วงทองดำ
ชื่ออื่นๆ : มะม่วงทองดำ
ต้นกำเนิด :
ชื่อสามัญ :
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mangifera Indica
ชื่อวงศ์ : ANACARDIACEAE
ลักษณะของมะม่วงทองดำ
ต้น ไม้ยืนต้น มีความสูงประมาณ 10-20 เมตร ลำต้นตรง เรือนยอดกลมทึบ
ใบ ออกเรียงสลับถี่บริเวณปลายยอด เป็นรูปรี ปลายแหลม โคนมน ใบสีเขียวสด ใบดกและหนาแน่น
![การปลูกมะม่วง การขยายพันธุ์มะม่วง มะม่วงทองดำ มะม่วงทองดำ](https://www.kasettambon.com/wp-content/uploads/2024/05/มะม่วงทองดำ-600x450.jpg)
ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด สีเหลืองนวล มีกลิ่นหอม ออกดอกติดผลในช่วงเดือน พฤศจิกายน ถึง ธันวาคม
ผล เป็นพันธุ์ที่ออกดอกติดผลได้ทุกปี รับประทานได้ทั้งระยะแก่จัดหรือผลสุก ทนทานต่อโรคและแมลงได้ดีปานกลาง ทรงผลรูปไข่ยาว ผลอูม ผิวผลแก่มีสีเขียวเข้ม ผลสุกผิวสีเหลืองอมส้ม เนื้อผลสีส้มเข้ม เนื้อละเอียด รสหวานแหลม เสี้ยนน้อยมาก ให้ผลผลิตในช่วงเดือนมีนาคม ถึง เมษายน เมล็ดลีบ เนื้อเยอะ
![มะม่วงทองดำ การปลูกและการดูแลรักษามะม่วง ผลมะม่วงทองดำ](https://www.kasettambon.com/wp-content/uploads/2024/05/ผลมะม่วงทองดำ-600x361.jpg)
การขยายพันธุ์ของมะม่วงทองดำ
การเพาะเมล็ด, การตอนกิ่ง ทาบกิ่ง, การเสียบยอด
ชื่อมะม่วงทองดำ ถูกตั้งตามลักษณะของสีผลและเนื้อในที่สุก เมื่อผลสุกผิวที่ผลจะเป็นสีเขียวปนเหลืองเล็กน้อยทำให้ดูคล้ำๆหรือดำๆ จึงเรียกว่าทองดำ มีด้วยกัน 2 ชนิดคือ พันธุ์ที่เมื่อสุกจะเป็นสีเหลืองเข้มกับพันธุ์ที่มีสีส้ม รสชาติหวานหอมอร่อย
วิธีการปลูกมะม่วงทองดำ
การขุดหลุมปลูก
การขุดหลุมปลูกทั้งแบบปลูกบนร่องและปลูกในที่ดอน ควรปลูกให้เป็นแถวเป็นแนว เพื่อสะดวกในการดูแลรักษาและการ ปฏิบัติงาน ขุดหลุมปลูกให้มีขนาดกว้าง ยาวและลึก 50-100 เซนติเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน ถ้าดินดี ร่วนซุย มีอินทรีย์วัตถุมาก ก็ ขุดหลุมขนาดเล็กได้ ส่วนดินที่ไม่ค่อยดี ให้ขุดหลุมขนาดใหญ่ เพื่อจะได้ปรับปรุงดินในหลุมปลูกให้ดีขึ้น ดินที่ขุดขึ้นมาจากหลุมนั้นให้แยกเป็นสองกอง คือ ดินชั้นบนแยกไว้กองหนึ่ง ดินชั้นล่างอีกกองหนึ่ง ตากดินที่ขุดขึ้นมาสัก 15-20 วัน แล้วผสม ดินทั้งสองกองด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ก้นหลุมก็ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักรองพื้นไว้ด้วย แล้วจึงกลบดินลงไปในหลุมตามเดิม โดยเอา ดินชั้นบนลงไว้ก้นหลุม และดินชั้นล่างกลบทับลงไปทีหลัง ดินที่กลบลงไปจะสูงกว่าปากหลุม ควรปล่อยทิ้งไว้ให้ดินยุบตัวดีเสียก่อน หรือรดน้ำให้ดินยุบตัวดีเสียก่อนจึงลงมือปลูก
ระยะปลูก ระยะปลูกมีหลายระยะด้วยกัน แล้วแต่วัตถุประสงค์ในการปลูก ได้แก่
- ระยะปลูกแบบถี่ เช่น 2.5 x 2.5 เมตร, 4 x 4 เมตร หรือมากน้อยกว่านี้ตามความเหมาะสม
- ระยะปลูกแบบห่าง เช่น 8 x 8 เมตร, 10 x 10 เมตรหรือมากน้อยกว่านี้ตามความเหมาะสม
วิธีปลูก
การปลูกมะม่วงไม่ว่าจะปลูกด้วยกิ่งตอน กิ่งทาบ หรือต้นที่เพาะเมล็ดก็ตาม ต้องทำด้วยความระมัดระวัง อย่าให้รากขาดมาก เพราะจะทำ ให้ต้นชะงักการเติบโตหรือตายได้ ต้นมะม่วงที่ปลูกไว้ในภาชนะนาน ๆ ดินจะจับตัวกันแข็งและรากก็พันกันไปมา เวลานำออกจากภาชนะแล้วให้บิแยกดินก้นภาชนะให้กระจายออกจากกันบ้าง ส่วนรากที่ม้วนไปมาให้พยายามคลี่ออกเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้เจริญเติบโตต่อไปอย่างรวดเร็ว
- การปลูกด้วยกิ่งทาบ กิ่งติดตา ให้ปลูกลึกระดับเดียวกับดินในภาชนะปลูกเดิม หรือสูงกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ต้องไม่มิดรอยที่ติดตาหรือต่อกิ่งไว้ เพื่อจะได้เห็นว่ากิ่งที่แตกออกมานั้น แตกออกมาจากกิ่งพันธุ์หรือจากต้นตอ ถ้าเป็นกิ่งที่แตกจากต้นตอให้ตัดทิ้งไป
- การปลูกด้วยกิ่งตอน ให้ปลูกลึกระดับเดียวกับดินในภาชนะเดิมหรือให้เหลือจุกมะพร้าวที่ใช้ในการตอนโผล่อยู่เล็กน้อย ไม่ควร กลบดินจนมิดจุกมะพร้าว เพราะจะทำให้เน่าได้ง่าย
เมื่อปลูกเสร็จให้ปักไม้เป็นหลักผูกต้นกันลมโยกแล้วรดน้ำให้ชุ่ม ต้นที่นำมาปลูก ถ้าเห็นว่ายังตั้งตัวไม่ดี คือแสดงอาการเหี่ยวเฉาตอนแดดจัด ควรหาทางมะพร้าวมาปักบังแดดให้บ้าง ก็จะช่วยให้ต้นตั้งตัวได้เร็วขึ้น ในระยะที่ต้นยังเ ล็กอยู่นี้ให้หมั่นรดน้ำอยู่เสมอ อย่าให้ดินแห้งได้ การปลูกในฤดูฝนจึงเหมาะที่สุด เพราะจะประหยัดเรื่องการให้น้ำได้มาก และต้นจะตั้งตัวได้เร็ว โดยเฉพาะการปลูกในที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ไม่มีน้ำที่จะให้แก่ต้นมะม่วงได้ทั้งปี ให้ปลูกในระยะต้นฤดูฝน ช่วงแรก ๆ อาจต้องรดน้ำให้บ้าง เมื่อฝนเริ่มตกหนักแล้วก็ไม่ต้องให้น้ำอีก ต้นจะสามารถตั้งตัวได้เต็มที่ก่อนจะหมดฝน และสามารถจะผ่านฤดูแล้งได้โดยไม่ตาย ส่วนที่ที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์จะปลูกตอนไหนก็ได้แล้วแต่ความสะดวก
การดูแลรักษามะม่วงทองดำ
การให้น้ำ
- เมื่อเก็บเกี่ยวผลเสร็จแล้ว ควรจะใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีสูตรเสมอกัน และทุกครั้งที่ใส่ปุ๋ยต้องรดน้ำถ้าฝนไม่ตกหรือดินไม่มีความชื้นพอ และควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอกับมะม่วงในช่วงต้องการเร่งการเจริญเติบโตทางลำต้น กิ่งและใบ โดยให้น้ำตั้งแต่เก็บเกี่ยวผลเสร็จไปจนถึงเดือนกันยายน
- มะม่วงก่อนออกดอก ต้องไม่ให้น้ำเพราะมะม่วงต้องการพักตัวหรือหยุดการเจริญเติบโตทางลำต้น กิ่งและใบเพื่อสะสมอาหารเตรียมแทงช่อดอก ดังนั้นช่วงอดน้ำให้กับต้นมะม่วงเป็นเวลา 1 เดือน (ต.ค.-ต้นพ.ย.) และอาจใช้วิธีรมควันโดยสุมไฟให้ควันร้อนไล่ความชื้นในดิน หรือวิธีควั่นตามกิ่งไม่ให้น้ำไปถึงยอด
- เมื่อมะม่วงเริ่มออกดอกและดอกเริ่มบาน เริ่มให้น้ำโดยให้ทีละน้อยพอหน้าดินเปียก โดยใช้น้ำฉีดล้างช่อดอกก็ได้จนกว่าผสมเกสรติดเป็นผลอ่อนเล็ก ๆ จึงค่อยเพิ่มการให้น้ำขึ้นทีละน้อยแต่ยังไม่ต้องมาก หลังจากนั้น 47 วัน ผลมะม่วงได้วัยขนาดขบเผาะ (นับจากวันที่ดอกบาน) ต้นมะม่วงต้องการน้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างสม่ำเสมอจนกว่าผลมะม่วงอายุได้ 70 วัน นับแต่ดอกบานให้ลดปริมาณการให้น้ำลงทีละน้อย จนกว่าผลอายุ 90 วัน หลังจากดอกบาน (ระยะเก็บเกี่ยวประมาณ 100-115 วัน)
การสังเกตว่าน้ำมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ให้สังเกตที่ขั้วดอกและขั้วผล คือถ้าขั้วแห้งแสดงว่าน้ำน้อย แต่ถ้าขั้วเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลสีเขียวออกเหลืองนวล แสดงว่าน้ำมากเกินไป
การให้ปุ๋ย
- ก่อนเก็บเกี่ยวมะม่วง หรือช่วงเก็บเกี่ยวผลอยู่ให้ลำเลียงปุ๋ยหมัก-ปุ๋ยคอก ไปกองไว้รอบ ๆ พุ่มต้น (ยังไม่ต้องรดน้ำ) จนกว่าเก็บเกี่ยวหมดจึงเกลี่ยปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกกลบดินเล็กน้อยพร้อมให้น้ำไปด้วยมะม่วง 5 ปีขึ้นไปใช้ต้นละ 2-3 ปี๊บ และใช้ปุ๋ยเสมอกัน เช่น 15-15-15, 17-17-17 ใส่ด้วย โดยดูความสมบูรณ์ของต้นอาจใช้ครึ่งหนึ่งของทรงพุ่ม จากนั้นใช้ปุ๋ยเคมีสูตรเร่งดอก เช่น 10-20-30, 12-26-32 พ่นมะม่วงในช่วงเดือน ก.ย-ต.ค 1-2 ครั้ง ก่อนฉีดโปแตสเซี่ยมไนเตรท เร่งการออกดอก
- เมื่อมะม่วงเริ่มติดผลอ่อน เริ่มให้ปุ๋ยหมัก-ปุ๋ยคอกร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ เช่น 15-15-15, 17-17-17 อีกครั้งหนึ่งเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของผลอ่อน
- เมื่อผลโต ขนาด 2 ใน 3 ของผลโตเต็มที่ ให้ใช้ปุ๋ย ฉีดพ่นทางใบสูตร 10-20-30, 12-22-32 หรือสูตรตัวท้ายสูง เพื่อช่วยให้คุณภาพและรสชาติหวานขึ้น
ประโยชน์ของมะม่วงทองดำ
- มะม่วงทองดำ เป็นมะม่วงพันธุ์ไทยโบราณ หาทานยาก มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สามารถทานได้ทั้งผลดิบและสุก
- ผลดิบ เนื้อจะแข็ง กรอบ มีรสชาติหอมมันอมเปรี้ยวนิดๆ ด้วยเนื้อที่แน่น ไม่เละ กินกับน้ำปลาหวานหรือยำได้
- ผลสุก เนื้อจะสีส้มทองเนื้อละเอียด หวานหอม ไม่หวานจัด
- อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย บำรุงหัวใจ เสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร บำรุงสายตา ลดความเสี่ยงในโรคมะเร็งบางชนิด ลดน้ำหนัก
คุณค่าทางโภชนาการของมะม่วงทองดำ
มะม่วงทองดำดิบ ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 105 กิโลแคลอรี ประกอบไปด้วย
- น้ำ 75 กรัม
- โปรตีน 0.80 กรัม
- ไขมัน 0.40 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 24.60 กรัม
- เถ้า 0.20 กรัม
- แคลเซียม 30 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 2 มิลลิกรัม
- เหล็ก 0.30 มิลลิกรัม
- เบต้า-แคโรทีน 252 ไมโครกรัม
- วิตามินเอ 21 ไมโครกรัม
- ไทอะมีน 0.01 มิลลิกรัม
- ไรโบฟลาวิน 0.12 มิลลิกรัม
- ไนอะซิน 0.30 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 25 ไมโครกรัม
การแปรรูปของมะม่วงทองดำ
ทำมะม่วงกวน (ส้มลิ้ม)
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : https://thaifcd.anamai.moph.go.th/, วาโย ฟาร์ม, ร้านซีเอ็มพันธุ์ไม้
มะม่วงทองดำ เนื้อผลสุกมีสีส้ม รสชาติหวานหอมอร่อย มีเสี้ยนน้อยมาก
มะม่วงทองดำ ทรงผลรูปไข่ยาว ผลดิบแก่จัดสีเขียวเข้ม ผลสุกผิวที่ผลจะเป็นสีเขียวปนเหลืองเล็กน้อยทำให้ดูคล้ำๆหรือดำๆ จึงเรียกว่าทองดำ
มะม่วงทองดำ มะม่วงพันธุ์โบราณ หาทานได้ยาก