คงคาเลือด
ชื่ออื่นๆ : ช้างเผือก (ลำปาง) สมุยกุย (นครราชสีมา) ตะไล (ราชบุรี) ตะไลคงคา (ชัยนาท) คงคาเลือด, หมากเล็กหมากน้อย (ภาคกลาง)
ต้นกำเนิด : –
ชื่อสามัญ : –
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Arfuillea arborescens Pierre
ชื่อวงศ์ : SAPINDACEAE
ลักษณะของคงคาเลือด
ต้น ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 8-15 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดรูปไข่ ทึบ เปลือกนอกสีเทาอมดำเรียบหรือแตกล่อนเป็นแผ่น เปลือกในสีขาว กิ่งก้านมาก
ใบ ประกอบแบบขนนก ปลายคู่ เรียงสลับ ใบย่อยเรียงตรงข้ามหรือเยื้องกัน 4-5 คู่ ใบรูปไข่หรือรูปใบหอก กว้าง 2.5-4 ซม. ยาว 4.5-7 ซม. ปลายใบเป็นติ่งแหลมหรือเรียงแหลม โคนใบสอบหรือเบี้ยว ขอบใบเป็นคลื่น แผ่นใบบางสีเขียวเข้ม ผิวใบด้านล่างสากมือ เส้นแขนงใสบข้างละ 10-12 เส้น ก้านใบย่อยยาว 2-6 มม.
ดอก ออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงที่ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 30-40 ซม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอก 2-4 กลีบ ดอกบานเต็มที่กว้าง 1-1.5 ซม. ดอกสีน้ำตาลมีกลิ่นหอม
ผล อ่อนเขียวมีปีก 3 ปีก ขนาด 3.5-5 ซม. ผลแก่สีน้ำตาล มี 3 เมล็ดต่อผล เมล็ดค่อนข้างกลมสีดำ ปีกผลช่วยการกระจายพันธุ์ได้กว้างขวาง
การขยายพันธุ์ของคงคาเลือด
ใช้เมล็ด, การปักชำกิ่ง
ธาตุอาหารหลักที่คงคาเลือดต้องการ
ประโยชน์ของคงคาเลือด
สรรพคุณทางยาของคงคาเลือด
ส่วนที่เป็นยา : ต้น, เปลือกต้น, เนื้อไม้, ใบ
- ต้น ฆ่าพยาธิ แก้ไอ แก้ไข้
- เปลือกต้น รสเย็นติดฝาดขม แก้ไอ แก้ไข้ แก้คัน เจริญอาหาร แก้ซางตัวร้อน แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้แสบร้อนตามผิวหนัง
- ใบ ต้มน้ำอาบแก้คัน แก้ไอ แก้ไข้ ฆ่าพยาธิ
- เนื้อไม้ รสเย็นฝาดขม ขับพยาธิ ฆ่าพยาธิผิวหนัง แก้ซางตัวร้อน ดับพิษไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ เจริญอาหาร
คุณค่าทางโภชนาการของคงคาเลือด
การแปรรูปของคงคาเลือด
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=10549&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com