ชงโค
ชื่ออื่นๆ : เสี้ยวเลื่อย (ภาคใต้), เสี้ยวดอกแดง (ภาคเหนือ), เสี้ยวหวาน (แม่ฮ่องสอน) กะเฮอ สะเปซี (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
ต้นกำเนิด : ตอนใต้ของประเทศจีนรวมถึงฮ่องกงและทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ชื่อสามัญ : Orchid Tree , Purple Bauhinia
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bauhinia purpurea L.
ชื่อวงศ์ : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE
ลักษณะของชงโค
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น :ไม้สูงถึง 10 เมตรใบเป็นใบเดี่ยวออกสลับรูปมนเกือบกลมแยกเป็น 2 พู ปลายมนกว้าง 8 – 16 เซนติเมตร ยาว 10 – 14 เซนติเมตร –ขอบใบเรียบ ดอกช่อดอกออกข้างๆหรือปลายกิ่ง6-14 ดอก กลีบดอก 5 กลีบสีชมพูถึงม่วงเข้มรูปรีกว้างตรงส่วนกลางเมื่อบานวัดเส้นผ่านศูนย์กลาง6-8 ซม.เกสรตัวผู้ 3 อันรังไข่มีขนยาวผลฝักยาว 20 – 25 เซนติเมตร เมื่อแก่แตกเป็น 2 ซีก เมล็ดเมล็ดกลม มี 10 เมล็ด ในหนึ่งผล

การขยายพันธุ์ของชงโค
ใช้เมล็ดและปักชำ
ธาตุอาหารหลักที่ชงโคต้องการ
ประโยชน์ของชงโค
ใบอ่อน ของผักเสี้ยวเป็นผักที่ชาวเหนือนิยมรับประทานนำไปลวกจิ้มน้ำพริกหรือนำไปแกง เช่นแกงกับปลา แกงกับเนื้อนิยมแกงกับผักเชียงดา ผักชะอม มีรสอร่อย

สรรพคุณทางยาของชงโค
ใบ ต้มกินรักษาอาการไอดอก เป็นยาระบายขับพิษไข้ ราก ต้มกินเป็นยาระบาย ปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับได้ดี ดอก และ แก่น มีสรรพคุณแก้โรคบิด ใบ มีสรรพคุณขับปัสสาวะ
คุณค่าทางโภชนาการของชงโค
การแปรรูปของชงโค
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11222&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com