ตำแย พืชมีพิษระคายเคืองผิว ทุกส่วนของต้นมีขนพิษ

ตำแย

ชื่ออื่นๆ : ตำแยช้าง (ภาคกลาง) กะลังตังช้าง (ภาคใต้) หานสา, หานช้างไห้, หานช้างร้อง, ว่านช้างร้อง หานไก่ (ภาคเหนือ)

ต้นกำเนิด : –

ชื่อสามัญ : Thatch Grass, Wolly Grass, Lalang Alang-alang

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Laportea interrupta (L.) Chew

ชื่อวงศ์ : Urticaceae

ลักษณะของตำแย

ต้น เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก ไม่ผลัดใบ มีความสูงของต้นได้ถึง 50 เซนติเมตร ทุกส่วนของต้นมีขนพิษ

ใบ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปหัวใจ ปลายใบแหลมหรือเป็นติ่งแหลม โคนใบป้านหรือหยักเว้า ส่วนขอบใบหยักหรือจักเป็นซี่ฟัน ผิวใบด้านล่างเป็นมีสีเขียวอ่อน

ดอก ออกดอกเป็นช่อโค้งยาวตามปลายกิ่งและซอกใบ ดอกเป็นแบบแยกเพศ ไม่มีกลีบดอก ดอกย่อยมีจำนวนมาก และดอกเป็นสีเขียว

ต้นตำแย
ต้นตำแย ใบเป็นรูปหัวใจ ปลายใบแหลม ผิวใบด้านล่างเป็นมีสีเขียวอ่อน

การขยายพันธุ์ของตำแย

การใช้เมล็ด

ธาตุอาหารหลักที่ตำแยต้องการ

ประโยชน์ของตำแย

สรรพคุณทางยาของตำแย

พิษระคายเคืองผิวหนัง

ส่วนที่เป็นพิษ ทุกส่วนที่มีขน พิษคล้ายขนหมามุ่ย

สารพิษ : สาร histamine, acetylcholine, formic acid, 5-hydroxy tryptamine, acetic acid ฯลฯ

อาการเกิดพิษ : ขนเมื่อถูกผิวหนังจะมีอาการปวดแสบปวดร้อน ระคายเคือง บวมแดง ถ้าเป็นบริเวณผิวหนังอ่อนนุ่มจะมีอาการรุนแรงยิ่งขึ้น การรักษา : เอาขนที่ติดอยู่ออกก่อน โดยใช้วิธีเดียวกับเอาขนหมามุ่ยออก ถ้ายังมีอาการคันให้ทายาคาลาไมน์ หรือครีมที่เข้าสเตียรอยด์ เช่น เพนนิโซโลน ถ้ายังมีอาการปวดอยู่ ให้รับประทานยา chorpheniramine 4 มิลลิกรัม ครั้งละ 1 เม็ด ทุก 6 ชั่วโมง

ดอกตำแย
ดอกตำแย ดอกสีเขียว

คุณค่าทางโภชนาการของตำแย

การแปรรูปของตำแย

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11728&SystemType=BEDO
http://www.rspg.or.th/plants_data/use/toxic_02.htm
https://www.flickr.com

Add a Comment