ทองกวาว ดอกมีสีแสด เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดเชียงใหม่

ทองกวาว

ชื่ออื่นๆ : ต้นจาน ทองกวาว (อีสาน)ก๋าว (ภาคเหนือ) จอมทอง (ภาคใต้) จ้า (เขมร) ทองธรรมชาติ, ทองพรหมชาติ, ทองต้น (ภาคกลาง)

ต้นกำเนิด :

ชื่อสามัญ : Flame of the Forest, Bastard Teak

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Butea monosperma (Lam.) Taub

ชื่อวงศ์ : Leguminosae-Papilionoideae

ลักษณะของทองกวาว

ต้น  ไม้ขนาดกลาง สูง 8-15 เมตร ลำต้นส่วนมากจะคดงอ และแตกกิ่งต่ำ เปลือกสีเทาคล้ำ แตกระแหงเป็นร่องตื้น ๆ

ต้นทองกวาว
ต้นทองกวาว เปลือกสีเทาคล้ำ แตกระแหงเป็นร่องตื้น

ใบ  เป็นใบประกอบที่ออกจาก จุดปลายก้านเดียวกัน 3 ใบ ติดเรียงเวียนสลับ แน่นบริเวณปลายกิ่ง ใบย่อยรูปป้อม โคนเบี้ยว ปลายมน ลักษณะคล้ายรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ใบกลางจะมีก้านใบยาวและใหญ่ที่สุด

ใบทองกวาว
ใบทองกวาว โคนเบี้ยว ปลายมน คล้ายรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน

ดอก  ออกเป็นช่อ ตามกิ่งเหนือรอยแผลใบและตามปลายกิ่ง ส่วนฐานรองดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย ดอกสีเหลืองถึงแดงแสด ลักษณะเป็นดอกถั่วขนาดใหญ่มี 5 กลีบ เกสรผู้มี 10อัน แยกเป็นอิสระ 1 อัน อีก 9 อัน โคนก้านเชื่อม ติดกันเป็นหลอด โค้งงอคล้ายรูปเคียว ออกดอกเดือนมกราคม-มีนาคม

ดอกทองกวาว
ดอกทองกวาว ดอกสีแสด คล้ายดอกถั่วขนาดใหญ่ โค้งงอคล้ายรูปเคียว

ผล  เป็นฝักแบน กว้างประมาณ 3.5 ซม. ยาวถึง 14 ซม. มีขนคลุมแน่น ภายในมีเมล็ดแบน ๆ มีเมล็ดเดียว

ผลทองกวาว
ผลทองกวาว เป็นฝักแบน มีขนคลุม

การขยายพันธุ์ของทองกวาว

ใช้เมล็ด

ธาตุอาหารหลักที่ต้นจาน ทองกวาวต้องการ

ประโยชน์ของทองกวาว

  • “ทองกวาว” เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้นำไปปลูกเป็นสิริมงคลแก่จังหวัดและเพื่อเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนปลูกต้นไม้ใน “โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ” เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ทรงครบรอบปีที่ 50 ในการครองราชสมบัติ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันที่ 9 พฤษภาคม 2537
  • ดอกใช้ย้อมสีผ้าได้ โดยจะให้สีแดง
  • ใบสดนำมาใช้ห่อของหรือนำใบมาปั้นเป็นถ้วยไว้ใส่อาหารหรือขนมแทนการใช้พลาสติก
  • เปลือก ใช้ทำเชือกและกระดาศ

สรรพคุณทางยาของทองกวาว

ดอก
– รับประทานเป็นยาถอนพิษไข้ แก้กระหายน้ำ
– ผสมเป็นยาหยอดตา แก้เจ็บตา ฝ้าฟาง
– เป็นยาขับปัสสาวะ สมานแผลปากเปื่อย แก้พิษฝี

ยาง – ใช้แก้ท้องร่วง

ใบ
– ตำพอกฝี และสิว แก้ปวด ถอนพิษ
– แก้ท้องขึ้น ขับพยาธิ แก้ริดสีดวง

เมล็ด
– ขับไส้เดือน
– บดผสมน้ำมะนาว ทาแก้ผิวหนังอักเสบเป็นผื่นแดงและแสบร้อน

ข้อควรระวัง : เนื่องจากหลักฐานทางด้านความเป็นพิษมีน้อย จึงควรที่จะได้ระมัดระวังในการใช้ และไม่ควรใช้ติดต่อกันนานๆ
ด้านฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา มีรายงาน 2 ฉบับคือ

รายงานผลด้านฮอร์โมนเพศหญิง ผู้วิจัยพบว่า ถ้าใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ในขนาดตั้งแต่ 3.2 มก./กก./วัน ขึ้นไปมีผลด้านฮอร์โมนเพศหญิง

รายงานเรื่องการสกัดแยกสารไดโซบิวตริน (Isobutrin) และ บิวตริน (Butrin) ซึ่งมีฤทธิ์ป้องกันอันตรายต่อตับเนื่องจากสารพิษ ได้แก่ คาร์บอน เตทตร้าคลอไรด์ และ กาแลคโตซามีน ได้

สารเคมี – สารเคมีที่พบในดอกทองกวาว คือ Pongamin (Karanin), Kaempferol, ?-sitosterol, Glabrin, Glabrosaponin, Stearic acid, Palmitic acid, Butrin, Isobutrin coreopsin, Isocoreopsin, Sulfurein monospermoside และ Isomonospermoside สารที่พบส่วนใหญ่คือสาร ซึ่งเป็นองค์ประกอบของสีดอกทองกวาว มีสารที่มีรสหวานคือ glabrin.

คุณค่าทางโภชนาการของทองกวาว

การแปรรูปของต้นจานทองกวาว

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11620&SystemType=BEDO
www.flickr.com

One Comment

Add a Comment