มะขาม
มะขาม เป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติทั้งความเปรี้ยว ความหวาน และยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย เมื่อยังดิบเนื้อจะมีสีเขียวอ่อนๆ รสชาติเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟัน แต่เมื่อเริ่มห่ามจากเนื้อสีเขียวๆ ก็จะเริ่มมีสีอมเหลืองมากขึ้นๆ คลายรสเปรี้ยวลงมีรสหวานเพิ่มขึ้น แต่หากสุกเต็มที่ เนื้อจะกลายเป็นสีน้ำตาลอมทองแทน ส่วนรสชาติก็หวานมากขึ้นตามสีที่เปลี่ยนไปเช่นกัน แต่จะหวานมาก หรือหวานน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่สายพันธุ์
เราสามารถรับประทานได้ทั้งยอดอ่อน ผลหรือ ฝัก อีกทั้งยังรับประทานได้ทั้งสดๆ และแบบแปรรูป เช่น แช่อิ่ม กวน อบ แม้กระทั่งเมล็ดก็สามารถนำมารับประทานได้เช่นเดียวกัน
ประโยชน์ของมะขาม
- แก้ตาแห้ง
อาการตาแห้งเกิดจากมีน้ำตาไม่เพียงพอต่อการหล่อเลี้ยงดวงตา สาเหตุอาจเกิดจากร่างกายผลิตน้ำตาได้ไม่เพียงพอรวมถึงน้ำตาที่ผลิตได้อาจไม่มีคุณภาพ ในมะขามมีสารชื่อว่า “มิวซิน” เป็นสารประกอบในเยื้อเมือกที่พบในดวงตา ดังนั้นจึงมีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้กระจกตาได้ มีการทดลองสกัดสารที่อยู่ในมะขามมาหยอดตาพบว่า อาการตาแห้งของผู้ทดลองดีขึ้น - ดูแลผิวให้สวย
มีกรด AHA ที่มีคุณสมบัติช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ทำให้เซลล์ผิวเก่าหลุดออกไปเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสมากขึ้นกว่าเดิม คนโบราณจึงนิยมใช้ขัดผิวโดยเฉพาะบริเวณข้อพับ ข้อศอก ตาตุ่ม หรือจุดที่ผิวหยาบกร้านให้จางลงได้ มะขามยังมีวิตามินซีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศโดยจะช่วยป้องกันผิวจากมลภาวะ ทำให้ผิวเรียนเนียนใส สุขภาพผิวดี ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ รอยสิว และรักษาสิวได้อีกด้วย - บำรุงกระดูก
จากการศึกษาพบว่า หากร่างกายได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปจะทำให้กระดูกเปราะบางได้ แต่การรับประทานมะขามจะช่วยขับฟลูออไรด์ออกมาทางปัสสาวะมากขึ้นรวมทั้งยังลดการขับทองแดงและแคลเซียมออกจากร่างกายให้น้อยลงจึงชะลอการเสื่อมถอยของกระดูกและลดการเกิดข้ออักเสบได้ นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมสูงจึงดีต่อสุขภาพกระดูกและฟันด้วยนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติม - ลดน้ำหนัก
มีการศึกษาในหนูทดลองพบว่า สารสกัดจากมะขามมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากมะขามเต็มไปด้วยใยอาหารและสารเคมีหลายชนิดที่ช่วยกระตุ้นระบบการขับถ่ายให้ดีขึ้น เส้นใยจะช่วยดักจับไขมันจากอาหารและลดการสะสมไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ - สร้างเม็ดเลือดและเสริมภูมิต้านทาน
มีธาตุเหล็กจึงมีส่วนช่วยสร้างเม็ดเลือดได้ และมีวิตามินซีสูงซึ่งช่วยเสริมภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายได้ - ช่วยบำรุงสายตามี
วิตามินเอและสารเบต้าแคโรทีนจึงช่วยบำรุงสายตาได้ - รักษานิ่ว
มีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ จึงมีสรรพคุณช่วยลดการเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
การใช้มะขามเพื่อสุขภาพ
- แก้ผดผื่นคัน นำใบมะขามมาต้มกับน้ำเดือดแล้วปิดฝาเอาไว้ เคี่ยวประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นปิดไฟ ทิ้งไว้จนเย็น แล้วนำน้ำมาอาบจะทำให้ผิวหนังแข็งแรง และช่วยลดอาการผดผื่นคันตามผิวหนังได้
- ฆ่าเชื้อราบนศีรษะ นำมะขามเปียกมาผสมกับน้ำแล้วคั้นเอาน้ำข้นๆ ผสมกับน้ำสะอาด ใช้ชโลมทั่วศีรษะหลังจากสระผมเสร็จจากนั้นหมักทิ้งไว้ 30 นาทีแล้วล้างออกจะทำให้รากผมแข็งแรง ช่วยฆ่าเหา และฆ่าเชื้อราบนหนังศีรษะได้
- ใช้ถ่ายพยาธิ มีฤทธิ์ในการถ่ายพยาธิไส้เดือน และพยาธิตัวกลม วิธีใช้คือ นำเมล็ดมะขามมาคั่ว กะเทาะเปลือกออก แล้วแช่ในน้ำเกลือจนนิ่ม นำมารับประทานครั้งละ 20 เม็ด
- ใช้เป็นยาระบาย มีกรดอินทรีย์หลายชนิดที่มีคุณสมบัติช่วยระบายท้องและลดความร้อนในร่างกาย โดยรับประทานมะขามเปียกจิ้มเกลือราว 3 – 4 ฝัก ดื่มน้ำอุ่นตามลงไปหลายๆ แก้วก่อนนอน จะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย แก้ปัญหาท้องผูกได้เป็นอย่างดี
- ใช้ขัดผิว เพียงนำมะขามเปียกมาขยำกับน้ำเปล่า อาจเติมนมสดและน้ำผึ้งลงไปผสมด้วยได้ หรือใช้เนื้อมะขามมาขัดผิวขณะอาบน้ำทิ้งไว้ 15-20 นาที ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ทาครีมกันแดดเป็นประจำก็จะช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส สูตรนี้สามารถใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกายได้
คุณค่าทางโภชนาการของต้นมะขาม
มะขามดิบ 100 กรัม ให้คุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้
- พลังงาน 239 กิโลแคลอรี่
- ไขมัน 0.6 กรัม
- เส้นใย 5.1 กรัม
- โปรตีน 2.8 กรัม
- น้ำตาล 57.4 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 62.5 กรัม
- วิตามินเค 2.8 ไมโครกรัม
- วิตามินอี 0.1 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 3.5 มิลลิกรัม
- แคลเซียม 74 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 2.8 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 113 มิลลิกรัม
- โคลีน 8.6 มิลลิกรัม
- สังกะสี 0.1 มิลลิกรัม
- โซเดียม 28 มิลลิกรัม
ข้อควรระวังในการบริโภคมะขาม
- เสี่ยงต่อการปวดท้องในคุณแม่ตั้งครรภ์ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และกำลังให้นมบุตร ไม่ควรรับประทานมะขามมากเกินไป เนื่องจากมะขามมีกรดค่อนข้างสูงจึงอาจทำให้คุณแม่มีอาการปวดท้องและกรดนั้นอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้ด้วยนั่นเอง
- เสี่ยงทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำลง ผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่ควรรับประทานมะขามมากจนเกินไปเพราะอาจส่งผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำมากเกินไป ดังนั้นผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงควรรับประทานอย่างพอดี
- ผู้ป่วยผ่าตัดควรระวัง การบริโภคมะขามอาจส่งผลทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง เพื่อความปลอดภัย ผู้ป่วยที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดควรงดการรับประทานมะขามประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดเป็นปกติ
- สารเคลือบฟันอาจถูกทำลาย การรับประทานมะขามมากเกินไปจะทำให้สารเคลือบฟันถูกทำลาย เนื่องจากเป็นพืชที่มีกรดสูงตามธรรมชาติ กรดเหล่านี้จะทำลายสารเคลือบฟันได้
- กรดจากมะขามอาจทำลายกระเพาะและลำไส้ อย่างที่ทราบว่ามะขามเป็นพืชที่มีกรดสูง ดังนั้นถ้ารับประทานในปริมาณมากๆ อาจส่งผลทำให้เกิดภาวะกรดไหลย้อนได้ กรดเหล่านี้ยังอาจทำลายกระเพาะอาหารและลำไส้ได้
- ผู้ที่มีอาการไอควรเลี่ยงการรับประทาน เพราะจะทำให้ระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ ทำให้อาการที่เกี่ยวข้องกับการแย่ลง
มะขามเป็นผลไม้ที่มีทั้งรสหวานและรสเปรี้ยว มีประโยชน์ต่อร่างกายและมีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง คนไทยจึงนิยมรับประทานมะขามมาช้านานในหลายๆ รูปแบบ
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=10065&SystemType=BEDO
https://hd.co.th
https://www.flickr.com
3 Comments