ฝรั่ง
ชื่ออื่นๆ : หมากสีดา, ฝรั่ง (สุราษฎร์ธานี) จุ่มโป่ (ปัตตานี) ชมพู่ (เชียงใหม่) มะก้วย (เหนือ) มะก้วยกา, มะมั่น (แม่ฮ่องสอน) มะกา (ตาก) มะจีน (ใต้) ยามู, ย่าหมู (นครพนม) สีดา (จีนแต้จิ๋ว) ปั๊กเกี้ย
ต้นกำเนิด : ทวีปอเมริกากลางและหมู่เกาะอินดีสต์ตะวันตก
ชื่อสามัญ : Guava
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Psidium guajava L.
ชื่อวงศ์ : MYRTACEAE
ลักษณะของฝรั่ง
ต้น ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 3-5 เมตร ผิวเปลือกต้นเรียบเกลี้ยง กิ่งอ่อนเป็นสี่เหลี่ยม
ใบ ใบหนา หยาบ ใต้ท้องใบเป็นริ้ว เห็นเส้นใบชัดเจน ขนขึ้นนวลบาง ใบยาวประมาณ 10 ซม. กว้างประมาณ 6 ซม.
ดอก กลีบดอก สีขาว ยาว 1.0-1.4 ซม. เกสรเพศผู้จำนวนมาก ยาว 6-9 มม
ผล ผลรูปทรงกลม รูปไข่ หรือรูปรี ผิวเกลี้ยง สีเขียว เนื้อในขาว รสหวาน กรอบ ผลสุกสีเหลือง- เขียว มีเมล็ดเล็กๆ แข็งอยู่ภายใน ผลออกช่วงเดือนเมษายน

การขยายพันธุ์ของฝรั่ง
ใช้กิ่ง/ลำต้น
โดยนำไปชำ ตอน แบ่งแยก ติดตา เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (Tissue Culture) ให้เกิดเป็นต้นใหม่ขึ้นมาได้
- ข้อดีของการขยายพันธุ์โดยไม่ต้องอาศัยเพศ คือไม่กลายพันธุ์ สะดวกต่อการดูแลรักษา ได้ผลเร็ว และสามารถขยายพันธุ์พืชที่ยังไม่มีเมล็ดหรือไม่สามารถมีเมล็ดได้ แต่มีข้อเสียคือ ไม่มีรากแก้ว บางวิธีขยายพันธุ์ได้คราวละไม่มาก ต้องใช้เทคนิคและความรู้ช่วยบ้าง เช่น การตอน การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็นต้น
- วิธีการขยายพันธุ์พืชแบบไม่อาศัยเพศมีหลายวิธี ในที่นี้จะแนะนำเฉพาะวิธีที่ใช้บ่อย และนำไปเลือกใช้กับการขยายพันธุ์พืชสมุนไพร ที่จะแนะนำต่อไปได้ ส่วนวิธีการอื่น หากสนใจ สามารถศึกษาได้จากตำราวิชาการด้านการเกษตร
ธาตุอาหารหลักที่ฝรั่งต้องการ
ประโยชน์ของฝรั่ง
- เปลือกต้น บรรเทาอาการปวดท้อง ใช้ร่วมกับพืชอื่นต้มดื่มแก้ท้องเสีย
- ยอดและใบ รักษาอาการท้องร่วง แก้อาการปวดท้องในเด็ก รักษาส้นเท้าแตก เคี้ยวช่วยลดกลิ่นปาก
- ต้มรวมกับพืชอื่นอาบแก้ครั่นเนื้อครั่นตัว
- ผล แก้ปวดท้อง

สรรพคุณทางยาของฝรั่ง
กลุ่มยาแก้บิด ท้องเดิน ท้องร่วง โรคกระเพาะ
สรรพคุณ : ฝรั่งมีสารแทนนินอยู่มาก สารนี้มีฤทธิ์ฝาดสมานน้ำมันหอมระเหยในใบฝรั่ง สารแทนนินในฝรั่งยังยับยั้งการลุกลามของเชื้อโรค ช่วยสมานท้องและลำไส้ โดยช่วยลดอาการอักเสบของกระเพาะลำไส้ และช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน และยังช่วยอาการเกร็งตัวของลำไส้ ทำให้อาการปวดท้องบรรเทาลงได้ แก้ปวดเบ่ง

ส่วนที่ใช้ : ใบเพสลาด ผลอ่อนสด ผลสุก เปลือกต้นสดๆ ราก
ใบ – แก้ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน (ที่ไม่ใช่บิด หรืออหิวาตกโรค) เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ใช้ใบ 2-3 ใบเคี้ยวๆ ระงับกลิ่นปาก แก้ฝี เป็นยาล้างแผล ดูดหนองและถอนพิษบาดแผล แก้เหงือกบวม แก้พิษเรื้อรัง แก้ปวดเนื่องจากเล็บขบ แก้แพ้ยุง
ผลอ่อน – แก้ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน ระงับกลิ่นปาก แก้บิดมูกเลือด มีไวตามินซีมาก เป็นกันหรือแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน (ลักปิดลักเปิด) บำรุงเหงือกและฟัน บำรุงผิวพรรณ
ผลสุก – มีสารเพ็กตินอยู่มาก ใช้รับประทานเป็นยาระบายได้
ราก – แก้น้ำเหลืองเสีย เป็นฝี แผลพุพอง แก้เลือดกำเดาไหล
วิธีและปริมาณที่ใช้
ใช้ฝรั่งแก้ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน
วิธีที่ 1 รับประทานสด
– ใช้ส่วนที่เป็นยอดอ่อนๆ 7 ยอด หรือใบเพสลาด 6-8 ใบ ค่อยๆ เคี้ยวให้ละเอียดทีละน้อย ค่อยๆ กลืน แล้วดื่มน้ำตาม ถ้าเคี้ยวทีละมากๆ จะรู้สึกฝาดขม ถ้าเคี้ยวกับเกลือเล็กน้อย จะช่วยให้รับประทานง่ายขึ้น
วิธีนี้ได้ผลมาก เพราะรับประทานทั้งน้ำและเนื้อของใบฝรั่งจนหมด ได้ตัวยาครบถ้วน
– อาจรับประทานผลดิบ ครั้งละ 1-2 ผล โดยเคี้ยวก่อนค่อยกลืนก็ได้
วิธีที่ 2 ต้มดื่ม
– ใช้ใบเพสลาด 5-10 ใบ หรือเปลือกต้นสดๆ 1 ฝ่ามือ ใส่น้ำ 2 ถ้วยแก้ว ต้มเดือดนาน 5-30 นาที เคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว รับประทานครั้งละ รับประทานครั้งละ ½ – 1 แก้ว วันละ 2 ครั้งรับประทานตามอาการหนักเบา เวลาดื่มเติมเกลือเล็กน้อยทำให้ดื่มง่ายขึ้น
วิธีที่ 3 ชงน้ำร้อนดื่ม
– เอายอดฝรั่ง 7 ยอด หรือใบฝรั่ง 6-10 ใบ ชงกับน้ำเดือด 2 แก้ว ปิดฝาไว้ 15-20 นาที ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ดื่มบ่อย ๆ
วิธีที่ 4 ต้มคั้นเอาน้ำ
– เอาใบฝรั่ง 6-10 ใบ ตำให้ละเอียด ผสมน้ำสุก 3-5 ช้อนแกง ต้มให้เข้ากัน กรองด้วยผ้าขาว เอาน้ำผสมเกลือเล็กน้อยดื่มจนหมด
วิธีที่ 5 บดผงรับประทาน
– ใช้ผลฝรั่งที่เกือบแก่ หั่นเป็นแว่นบาง ๆ ตากแห้งบดเป็นผง รับประทานครั้งละ ½-1ช้อนชา โดยผสมน้ำ วิธีนี้รสชาติดีเด็กดื่มได้ง่าย
ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใช้ใบสดล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียดพอกแผลที่มีเลือดออก เลือดจะหยุด
ช่วยระงับกลิ่นปาก ใช้ใบสด 3-5 ใบ เคี้ยวและคายกากออกทิ้ง
เป็นยากันหรือแก้โรคลักปิดลักเปิด ฝรั่งมีวิตามินซีมาก ใช้ผลโตเต็มที่แต่ไม่สุก รับประทานเป็นผลไม้ จะเป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงเหงือกและฟัน ช่วยลดน้ำตาลในเลือด รักษาท้องลำไส้ไม่ให้ผูก ช่วยบำรุงผิวพรรณ คนที่ชอบเป็นฝีเป็นแผลพุพอง ถ้ารับประทานฝรั่งบ่อย ๆ ก็ช่วยบรรเทาลงไปได้
หมายเหตุ ฝรั่งที่ควรปลูก ควรเป็นฝรั่งขี้นก เพราะมีโรคน้อย มีเพลี้ยแป้งน้อย ดูแลรักษาง่าย ที่สำคัญมีสรรพคุณทางยาที่ดีที่สุด มีไวตามินซีสูงกว่าฝรั่งพันธุ์อื่น ๆ
สารเคมี
ใบ มีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งประกอบด้วย Caryophyllene cineol, นอกจากนี้ยังมี Tannin, sesquiter penoids และ triterpenoid compounds.
ผล มี fixed oil 6% Volatile oil 0.365% tannin 8-15% beta-sitosterol, quercetin, Vitamin C (330 mg.%), Arabinose,

คุณค่าทางโภชนาการของฝรั่ง
ฝรั่ง 1 ส่วน หรือครึ่งผล น้ำหนักส่วนที่กินได้ประมาณ 125 กรัม ให้พลังงาน 54 กิโลแคลอรี ประกอบไปด้วย
- น้ำ 111 กรัม
- น้ำตาล 8 กรัม
- ใยอาหาร 3.6 กรัม
- เบต้าแคโรทีน 26 ไมโครกรัม
- วิตามินซี 234 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 230 มิลิกรัม
การแปรรูปของฝรั่ง
การแปรรูป เช่น ฝรั่งดอง ฝรั่ง น้ำฝรั่ง แยมฝรั่ง เยลลี่ฝรั่ง อบแห้งสามรส เป็นต้น
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11476&SystemType=BEDO
www.swis.montfort.ac.th
www.flickr.com
4 Comments