ฟักทอง หรือ น้ำเต้า (ภาคใต้)
ชื่ออื่นๆ : หมากอึ (ภาคอีสาน) มะฟักแก้ว, ฟักแก้ว (ภาคเหนือ) มะน้ำแก้ว, หมักอื้อ (เลย) หมากฟักเหลือง (แม่ฮ่องสอน) น้ำเต้า (ภาคใต้)
ต้นกำเนิด : อเมริกากลาง
ชื่อสามัญ : Pumpkin
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cucurbita moschata Decne.
ชื่อวงศ์ : Cucurbitaceae
ลักษณะของฟักทอง หรือ น้ำเต้า (ภาคใต้)
ต้น เป็นพืชล้มลุก มีเถายาวเลื้อยปกคลุมดิน ลำต้นมีลักษณะกลมหรือเป็นเหลี่ยมมน ผิวเป็นร่องตามความยาว มีขนอ่อน ๆ มีหนวดสำหรับยึด เกาะยึดบริเวณข้อ
ใบ ใบเป็นใบเดี่ยว มีขนาดใหญ่ ออกเรียงสลับกัน โคนใบเว้าคล้ายรูปหัวใจ ขอบใบหยักเป็นเหลี่ยม 5 เหลี่ยม มีขนทั้ง 2 ด้านของตัวใบ
ดอก เป็นดอกเดี่ยวสีเหลืองมีขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายระฆังหรือกระดิ่งออกบริเวณง่ามใบผลมีขนาดใหญ่
ผล มีลักษณะเป็นพูเล็ก ๆ โดยรอบเปลือกนอกขรุขระและแข็ง มีสีเขียวและจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อนและ สีเหลืองเข้ม และสีเหลืองตามลำดับ เนื้อภายในมีสีเหลืองอมเขียว สีเหลือง และสีส้ม เมล็ดมีจำนวนมากซึ่งอยู่ตรงกลางผลระหว่างเนื้อฟู ๆ มีรูปร่างคล้ายไข่ แบน มีขอบนูนอยู่โดยรอบ
นอกจากเนื้อของผลฟักทองจะใช้เป็นอาหารแล้ว เมล็ดฟักทองก็ใช้เป็นอาหารว่างได้ด้วย ปกติฟักทองเมื่อแก่จัดจะมีสีเหลืองอมส้ม เป็นพืชมีเถา ปลูกได้ทั่วไปทั้งในเขตร้อนและเขตหนาว
การขยายพันธุ์ของฟักทอง หรือ น้ำเต้า (ภาคใต้)
ใช้เมล็ด
ธาตุอาหารหลักที่ฟักทอง หรือ น้ำเต้า (ภาคใต้)ต้องการ
ประโยชน์ของฟักทอง หรือ น้ำเต้า (ภาคใต้)
- ฟักทองเป็นพืชผักที่มีกากใยมากพอสมควร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น และไม่ทำให้อ้วน เพราะมีแคลอรีไม่สูงมาก ผู้ต้องการมีรูปร่างสวยงามควรบริโภคเป็นประจำและฟักทองยังมีวิตามินสูง ซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณและสายตาอีกด้วย
- ฟักทองนำมาทำอาหารได้หลายชนิด เช่น ยอดอ่อนนำมาลวกจิ้มน้ำพริก หรือใส่แกงเลียง แกงส้มเปรอะ แกงส้ม เป็นต้น
- เนื้อใช้ทำอาหารได้ทั้งคาว-หวาน ทั้งผัด-แกง-ขนม และใช้เป็นอาหารเสริมในเด็กเล็ก รวมทั้งดัดแปลงมาใช้โรยหน้าหรือปนในขนมต่างๆ ทำให้มีสีสันสวยงาม และมีคุณค่าทางอาหารมากยิ่งขึ้น
สรรพคุณทางยาของฟักทอง หรือ น้ำเต้า (ภาคใต้)
ฟักทองมีเบต้า-แคโรทีนสูง ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง เมล็ดฟักทอง ช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากโต ป้องกันและรักษาโรคนิ่ว โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ช่วยขับพยาธิตัวตืด น้ำมันจากเมล็ดช่วยบำรุงประสาท ราก ต้มดื่มเป็นยาบำรุงและแก้ไอ
คุณค่าทางโภชนาการของฟักทอง หรือ น้ำเต้า (ภาคใต้)
เนื้อและเปลือกฟักทอง 100 กรัม ให้พลังงาน 43 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย
- เส้นใย 1.7 กรัม
- แคลเซียม 21 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 17 มิลลิกรัม
- วิตามินเอ 3,266 IU.
- วิตามินบี1 0.10 มิลลิกรัม
- ไนอะซิน 1.1 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 52 มิลลิกรัม
การแปรรูปของฟักทอง หรือ น้ำเต้า (ภาคใต้)
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11078&SystemType=BEDO
www.rspg.or.th
www.flickr.com
ประโยชน์ทางยา
ลำต้นหรือเถา จืดเย็น ยอดอ่อนรับประทานเป็นอาหาร
ผล รสหวานมันเย็น ใช้เป็นอาหาร สามารถเก็บไว้ได้นานเมื่อแก่จัด เป็นยาระบายอย่างอ่อน ใช้เป็นยาพอกแก้ฟกช้ำ แก้ปวดอักเสบ, น้ำมันจากผลเป็นยาบำรุงประสาท
เมล็ด รสมันเมา เนื้อเมล็ดสดรับประทานเป็นยาขับพยาธิตัวตืดและไส้เดือนได้อย่างปลอดภัย ขับปัสสาวะ และบำรุงร่างกาย
ราก รสเย็น น้ำต้มรากดื่มเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงกำหนัด แก้ไอ และถอนพิษของฝิ่น