กางขี้มอด
ชื่ออื่นๆ : กางแดง, จันทร์, มะขามป่า (ภาคเหนือ) ,คางแดง (ภาคกลาง)
ต้นกำเนิด : อินเดีย ศรีลังกา พม่า คาบสมุทรอินโดจีน
ชื่อสามัญ : กางขี้มอด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Albizia odoratissima (L.f.) Benth.
ชื่อวงศ์ : FABACEAE (LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE)
ลักษณะของกางขี้มอด
ต้น ไม้ต้น สูง 10-15 เมตร ปลายยอดและกิ่งอ่อนมีรอยแผล ระบายอากาศ
ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ยาว 20-30 ซม. ใบย่อย 10-16 คู่ รูปขอบขนานแกมเบี้ยว กว้าง 0.6-1.2 ซม. ยาว 1.1-3.5 ซม.
ดอก สีขาว ออกเป็นช่อตามกิ่ง ยาว 10-20 ซม. ช่อดอกย่อยประกอบด้วยดอกย่อยหลายดอก รวมกันเป็นกลุ่ม กลีบรองดอกรูปหลอดปลายเป็นซี่เล็ก กลีบดอกรูปกรวย ยาว 6.5-9 มม. ปลายแยกเป็นแฉก เกสรผู้จำนวนมาก
ผล เป็นฝักแบนรูป ขอบขนาน กว้าง 2.5-3 ซม. ยาว 17-20 ซม. เมื่อแก่มีสีน้ำตาลเข้ม และแตกด้านข้าง เมล็ด รูปรีกว้าง
การขยายพันธุ์ของกางขี้มอด
ใช้เมล็ด
ธาตุอาหารหลักที่กางขี้มอดต้องการ
ประโยชน์ของกางขี้มอด
- เนื้อไม้สีน้ำตาลเข้ม ขัดและชักเงาได้ดี ใช้ทำพวกเครื่องเรือน ใช้ก่อสร้างภายในที่ไม่รับน้ำหนักมาก เครื่องตกแต่ง ลำกล้องปืน ไม้อัด
- แก่น เป็นยาประคบแก้ปวดบวม กระดูกหัก ใช้เผาถ่าน เปลือกสีน้ำตาลใช้ย้อมหนัง ย้อมผ้า ยาเบื่อปลา
- ใบ เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์
สรรพคุณทางยาของกางขี้มอด
คุณค่าทางโภชนาการของกางขี้มอด
การแปรรูปของกางขี้มอด
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=10326&SystemType=BEDO
www.flickr.com