มะม่วงเขียวเสวย นิยมรับประทานผลดิบ เนื้อแน่น มีความกรอบ และมีรสหวานมัน

มะม่วงเขียวเสวย

ชื่ออื่นๆ : มะม่วงเขียวเสวย

ต้นกำเนิด : อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

ชื่อสามัญ : Mango (Khiew Sawoey)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mangifera indica L.

ชื่อวงศ์ : ANACARDIACEAE

ลักษณะของมะม่วงเขียวเสวย

ต้น  ไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบขนาดกลาง มีอายุประมาณ 10-25 ปี ลำต้นสูงประมาณ 5-15 เมตร ลำต้นแตกหลักกิ่ง และกิ่งแขนงน้อย จนแลดูเป็นทรงพุ่มโปร่ง เปลือกลำต้นแตกเป็นสะเก็ดขนาดเล็ก สีดำอมเทา

ใบ  ออกเป็นใบเดี่ยวๆ เรียงสลับกันที่ปลายกิ่ง ใบค่อนข้างรียาว สีเขียวเข้ม และเป็นมัน ขนาดใบกว้างประมาณ 3-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร โคนใบสอบมน ปลายใบแหลม แผ่นใบ และขอบใบเรียบ เส้นกลางใบมีสีขาวชัดเจน

ใบมะม่วงเขียวเสวย
ใบมะม่วงเขียวเสวย ใบค่อนข้างรียาว สีเขียวเข้ม และเป็นมัน

ดอก  มะม่วงเขียวเสวย ออกดอกเป็นช่อแขนง ซึ่งแต่ละแขนงประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก ดอกย่อยในช่อเดียวกันจะมีดอก 2 ชนิด คือ ดอกเพศผู้ ซึ่งมีจำนวนมาก (91.80%) และดอกกะเทย (8.20%) ที่สามารถพัฒนาเป็นผลได้ ทำให้มะม่วงพันธุ์นี้ติดผลน้อย ทั้งนี้ มะม่วงเขียวเสวย เป็นพันธุ์ที่ออกดอกช้า ดอกมะม่วงเขียวเสวยหลังการผสมเกสรแล้ว ทั้งกลีบเลี้ยง กลีบดอก และเกสรจะร่วงหล่นไปหมด คงเหลือรังไข่ที่พัฒนาเป็นผลรูปไข่ขนาดเล็ก และจานดอกที่เหี่ยวแห้งติดด้านล่างผล

ต้นมะม่วงเขียวเสวย
ต้นมะม่วงเขียวเสวย ไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบขนาดกลาง

ผล  ผลมะม่วงเขียวเสวย มีลักษณะรียาว และแบนเล็กน้อย บริเวณขั้วผลมีขนาดใหญ่ และค่อยเล็กลงไปด้านท้ายด้านหลังผลมีลักษณะนูนออก และด้านหน้าผลคอดเล็กลง ขนาดผลกว้างประมาณ 5-7 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร มีน้ำหนักต่อผลประมาณ 300-335 กรัม ผลมะม่วงเขียวเสวย เมื่อยังอ่อนจะมีเปลือกสีเขียวเข้ม ส่วนเนื้อผลมีสีขาว และมีรสเปรี้ยว เมื่อแก่ เปลือกมีสีเขียวอมเทาหรือมีนวล ส่วนเนื้อมีสีขาวขุ่น มีรสหวานมัน และเมื่อสุก เปลือกผลจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน เนื้อด้านในมีสีเหลือง เนื้อละเอียด และค่อนข้างแน่น ไม่เละง่าย ให้ผลผลิตช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน

เมล็ด ด้านในมีลักษณะเรียวยาว และค่อนข้างแบนตามลักษณะของผล เปลือกหุ้มเมล็ดหนาแข็ง และมีร่องเป็นริ้วตามแนวตั้ง

ผลมะม่วงเขียวเสวย
ผลมะม่วงเขียวเสวย ผลรียาว ผลมีลักษณะนูนออก

การขยายพันธุ์ของมะม่วงเขียวเสวย

การเพาะเมล็ด/กิ่งตอน/กิ่งทาบ

ธาตุอาหารหลักที่มะม่วงเขียวเสวยต้องการ

ประโยชน์ของมะม่วงเขียวเสวย

  • นิยมรับประทานผลดิบหรือผลแก่เป็นหลัก เนื่องจาก ผลในระยะนี้จะมีสีขาวขุ่นหรือขาวขุ่นอมครีม เนื้อแน่น มีความกรอบ และมีรสหวานมัน จนได้รับขนานนามว่า “ราชินีของมะม่วงไทย”
  • มะม่วงเขียวเสวยสามารถปลูกได้ทุกภาคทั่วประเทศและนิยมรับประทานผลดิบ

มะม่วงมีสรรพคุณที่สามารถช่วยในการต้านโรคและรักษาสุขภาพได้หลากหลายรูปแบบ นี่คือบางตัวอย่างของโรคที่มะม่วงอาจช่วยในการต้านหรือรักษา

  1. โรคเบาหวาน มะม่วงมีสารอาหารที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งโซมาโตล และเส้นใยที่ช่วยลดการดูดซึมน้ำตาล ทำให้มะม่วงเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเสี่ยงต่อโรคเบาหวานหรือมีปัญหาเกี่ยวกับระดับน้ำตาลในเลือด
  2. โรคอ้วน เส้นใยในมะม่วงช่วยให้รู้สึกอิ่มในระยะเวลานานขึ้น และช่วยควบคุมการรับประทานอาหาร ซึ่งอาจช่วยลดความเครียดในการควบคุมน้ำหนัก
  3. โรคทางเดินอาหาร เส้นใยในมะม่วงช่วยกระตุ้นกระบวนการย่อยอาหารในทางเดินอาหาร ช่วยลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และปัญหาทางเดินอาหารอื่นๆ
  4. โรคเนื้องอก มะม่วงมีสารต้านออกซิเดชัน antioxidants ที่ช่วยปกป้องเซลล์ร่างกายจากการเสื่อมสภาพและการเจริญเติบโตผิดปกติของเนื้องอก
  5. โรคมะเร็ง บางวิจัยได้พบว่าสารต้านออกซิเดชันในมะม่วงอาจมีบทบาทในการป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
  6. ระบบภูมิคุ้มกัน วิตามิน A และวิตามิน C ในมะม่วงช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
  7. สุขภาพผิวและเส้นผม วิตามิน A ในมะม่วงช่วยในการรักษาสุขภาพผิวและเส้นผม ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม และปกป้องผิวจากการเสื่อมสภาพ
  8. โรคอัลไซเมอร์ บางศึกษาได้พบว่าสารที่อยู่ในเปลือกมะม่วงอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอัลไซเมอร์
  9. ระบบทางเดินหายใจ วิตามิน C ในมะม่วงช่วยกระตุ้นระบบทางเดินหายใจ ช่วยลดอาการบวมและระคายเคืองในทางเดินหายใจ
มะม่วงจิ้มน้ำพริก
มะม่วงผลดิบมีรสเปรี้ยว นำมารับประทานกับน้ำพริก หรือน้ำปลาหวาน

สรรพคุณทางยาของมะม่วงเขียวเสวย

คุณค่าทางโภชนาการของมะม่วงเขียวเสวย

มะม่วงเขียวเสวยในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 82 กิโลแคลอรี ประกอบไปด้วย

  • น้ำ  78.50  กรัม
  • โปรตีน  0.70  กรัม
  •  ไขมัน  0.4  กรัม
  •  คาร์โบไฮเดรต  18.10  กรัม
  •  กากใยอาหาร  2  กรัม
  •  เถ้า  0.30  กรัม
  • แคลเซียม  2  มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส  28  มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก  10  มิลลิกรัม
  • โซเดียม  2  มิลลิกรัม
  • เหล็ก  0.18  มิลลิกรัม
  • โพแทสเซียม  197  มิลลิกรัม
  • สังกะสี  0.10  มิลลิกรัม
  • ไอโอดีน  3.0  ไมโครกรัม
  • บีตา-แคโรทีน  56  ไมโครกรัม
  • วิตามินเอ  4  ไมโครกรัม
  • ไทอะมีน  0.02 มิลลิกรัม
  • ไรโบฟลาวิน  0.03 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี  26 มิลลิกรัม
  • วิตามินอี  1.52  มิลลิกรัม
  • น้ำตาล  7  กรัม

การแปรรูปของมะม่วงเขียวเสวย

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=9725&SystemType=BEDO,
https://thaifcd.anamai.moph.go.th/, อุทยานการอาชีพชัยพัฒนา ศูนย์การเรียนรู้อุทยาน-พรรณไม้, https://tnschool.ac.th/
www.flickr.com

One Comment

Add a Comment