ลิ้นจี่
ชื่ออื่นๆ : ลิ้นจี่ป่า, สีรามัน, สีรามันขาว
ต้นกำเนิด : ประเทศจีนตอนใต้
ชื่อสามัญ : Litch
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Litchi chinensis Sonn
ชื่อวงศ์ : SAPINDACEAE
ลักษณะของลิ้นจี่
ต้น ไม้ต้น สูงได้ถึง 35 เมตร เรือนยอดกลม เปลือกค่อนข้างเรียบ สีเทา มีรูระบายอากาศ
ใบ ประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ใบย่อย 1-4 คู่ เรียงตรงข้าม-เยื้อง-สลับ ใบย่อยรูปวงรีหรือรูปไข่กลับ ขนาดประมาณ 2-4x 8-11 เซนติเมตร ปลายใบมน-แหลม โคนใบแหลมหรือสอบ ขอบใบเรียบ ผิวใบเกลี้ยงเป็นมัน
ดอก ช่อแยกแขนง ออกที่ปลายกิ่ง ช่อดอกยาวประมาณ 15-30 เซนติเมตร ดอกย่อยจำนวนมากขนาดเล็กมาก กลีบดอกสีขาวแกมเหลือง มีกลิ่นหอม ออกดอกประมาณเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์
ผล ผลสดรูปทรงกลม-รูปไข่ ผิวขรุขระ ผลสุกมีสีแดงสด เนื้อขาวฉ่ำน้ำ ออกผล ผลแก่ประมาณเดือนเมษายน-มิถุนายน
เมล็ด เมล็ดเดี่ยว กลม-รูปไข่ สีน้ำตาลเข้มถึงเกือบดำ ผิวมัน
![ต้นลิ้นจี่](https://www.kasettambon.com/wp-content/uploads/2016/08/13947635685_95cb4bc595_c-800x600-e1631956814363.jpg)
การขยายพันธุ์ของลิ้นจี่
การเพาะเมล็ด, การตัดชำ, การตอนกิ่ง, การทาบกิ่งและการต่อกิ่ง
พันธุ์ที่นิยมปลูก ส าหรับทางภาคเหนือ ได้แก่ พันธุ์ฮงฮวย พันธุ์โอวเฮียะ พันธุ์กิมเจ็งและพันธุ์จักรพรรดิ์ ส่วนทางภาคกลาง ได้แก่ พันธุ์ค่อม
ธาตุอาหารหลักที่ลิ้นจี่ต้องการ
ประโยชน์ของลิ้นจี่
ลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่มีรสหวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอมหวานชวนกิน คนไทยกินผลสด และนิยมนำลิ้นจี่มาทำเป็นน้ำผลไม้ดื่มแก้กระหายน้ำ
![ผลลิ้นจี่](https://www.kasettambon.com/wp-content/uploads/2016/08/32732010381_2ec0446c84_c-799x502-e1631956838894.jpg)
สรรพคุณทางยาของลิ้นจี่
- เนื้อในผล กินเป็นยาบำรุง แก้อาการไอเรื้อรัง แก้กระหายน้ำ แก้อาการคัดจมูก รักษาอาการท้องเดิน ลดกรดในกระ-เพาะอาหาร และบรรเทาอาการไม่ปกติของระบบทางเดินอาหาร
- เมล็ดมีฤทธิ์แก้ปวดบวม โดยใช้บดเป็นผงชงน้ำดื่ม หรือใช้พอกบริเวณมีอาการ
- รากลิ้นจี่หรือเปลือกต้นใช้แก้อาการติดเชื้อไวรัส อีสุกอีใส และเพิ่มความสามารถระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลิ้นจี่มีปริมาณเส้นใยอาหารสูง มีปริมาณพลังงาน ต่ำ และเชื่อกันว่ามีคุณสมบัติช่วยเผาผลาญสารอาหารในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับผู้ที่ยีนบกพร่อง คือ มีอาการ เวียนหัว ตาลาย มีเสียงในหู ปวดเมื่อยเอว ร้อนอุ้งเท้า ปากคอแห้ง ลิ้นแดง มีฝ้าน้อย ไม่ควรควรหลีกเลี่ยงการทานลิ้นจี่ ถ้าหากทานลิ้นจี่มากจะทำให้เกิด “โรคลิ้นจี่” ซึ่งมีอาการหัวใจเต้นเร็ว แขนขาไม่มีแรง มึนหัว หน้ามืดตาลาย เป็นต้น ถ้ามีอาการดังกล่าว ให้เอาเปลือกลิ้นจี่ ต้มกิน อาการก็จะหายไป
![เนื้อลิ้นจี่](https://www.kasettambon.com/wp-content/uploads/2016/08/4281098755_7480c2f003_c-800x567-e1631956952381.jpg)
คุณค่าทางโภชนาการของลิ้นจี่
เนื้อลิ้นจี่ ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน เหล็ก วิตามินบี1 วิตามินบี2 และมีวิตามินซีสูง ป้องกันโรคหวัด และโรคเลือดออกตามไรฟัน มีแคลเซียมและ ฟอสฟอรัสช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
การแปรรูปของลิ้นจี่
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=10669&SystemType=BEDO
https:// plant.forest.go.th
หมอชาวบ้าน
https://www.flickr.com
2 Comments