เครือส้มลม ใบและผลมีรสเปรี้ยว สามารถรับประทานเป็นผักสดได้

เครือส้มลม

ชื่ออื่นๆ : เครือส้มลม (อุบลราชธานี)

ต้นกำเนิด :

ชื่อสามัญ : ส้มลม

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aganonerion polymorphum Pierre ex Spire

ชื่อวงศ์ : APOCYNACEAE

ลักษณะของเครือส้มลม

ต้น  ไม้เถา เลื้อยพัน 3 – 4 เมตร มีน้ำยางสีขาว เส้นผ่าศูนย์กลางลำต้น 2.9 – 4.8 มิลลิเมตร

ใบ  ใบเดี่ยวเรียงตรงข้ามกัน รูปรี (elliptic) กว้าง 2.0 – 3.5 เซนติเมตร ยาว 5.1 – 7.2 เซนติเมตร ก้านใบยาว 0.6 – 1.6 เซนติเมตร ใบนุ่มสีเขียวค่อนข้างเข้ม ขอบใบเรียบ (entire) ไม่มีขน

ดอก  ออกดอกที่ยอดหรือปลายกิ่ง ช่อดอกมีดอกย่อย 3 – 5 ดอก กลีบเลี้ยงมีสีแดงแกมชมพูมี 5 กลีบ โคนกลีบตัดกัน และมีกลีบดอก 5 กลีบ สีชมพูหรือสีบานเย็น โคนกลีบดอกติดกัน ออกดอกช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน

ผล  ผลยาวได้ประมาณ 20 ซม. เกลี้ยง เมล็ดเรียวยาว ยาวประมาณ 1 ซม. ขนกระจุกยาว 1.5-3 มม.

เครือส้มลม
เครือส้มลม ไม้เถาเลื้อย ต้นมีน้ำยางสีขาว

การขยายพันธุ์ของเครือส้มลม

ใช้เมล็ด

ธาตุอาหารหลักที่เครือส้มลมต้องการ

ประโยชน์ของเครือส้มลม

ใบและผลส้มลมมีรสเปรี้ยว สามารถรับประทานเป็นผักสด กับน้ำพริก ป่น หรือแจ่ว

ดอกเครือส้มลม
ดอกเครือส้มลม ออกดอกที่ยอดหรือปลายกิ่ง

สรรพคุณทางยาของเครือส้มลม

ตำรายาพื้นบ้านอีสานจะใช้ส่วนของรากต้มน้ำดื่มมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการกล้ามเนื้อท้องเกร็ง ช่วยขับลม หรือเข้าตำรับยารวมกับสมุนไพรอื่นๆ ต้มน้ำดื่ม รักษาอาการปวดเมื่อย และรักษาอาการปัสสาวะขัดได้ หรือใช้รากส้มลม รวมกับรากต้างไก่ใหญ่ เป็นยาต้มดื่มน้ำรักษาโรคม้ามโต (นายวันดี ยิ้มกระจ่าง: ยาพื้นบ้านอีสาน) ส่วนเมล็ดจะมีขนยาว สีขาว มีลักษณะอ่อนนุ่ม ซึ่งนกหลายชนิด เช่น นกสีชมพูสวน จะใช้สร้างรังสำหรับฟักไข่ ในฤดูวางไข่

คุณค่าทางโภชนาการของเครือส้มลม

การแปรรูปของเครือส้มลม

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11821&SystemType=BEDO
www.flickr.com

Add a Comment