แกงขมิ้นไตปลาโบราณ

แกงขมิ้นไตปลาโบราณ ได้รับคัดเลือกให้เป็นอาหารประจำจังหวัดสุราษฎ์ธานี หรืออาหารประจำถิ่น ตามการดำเนินการจัดกิจกรรม “1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น” ภายใต้โครงการการส่งเสริม และพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ตามประกาศของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566
วันนี้เกษตรตำบลมีวิธีทำแกงขมิ้น ไตปลาโบราณ เป็นเมนูที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ ของจังหวัดสุราษฎ์ธานี มาฝากกันค่ะ เรามาดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยค่ะ
ส่วนผสมเครื่องแกง
- พริกแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนู 2 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดง 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
- ตะไคร้ 2 ช้อนโต๊ะ
- ข่า 2 ช้อนโต๊ะ
- ขมิ้น 2 ช้อนโต๊ะ
- ผิวมะกรูด 1/2 ช้อนโต๊ะ
- กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมของพริกแกง
ส่วนผสมแกงขมิ้นไตปลาโบราณ
- เครื่องแกง
- เคยปลา
- ปลาย่าง
- พุงปลา
- ขมิ้นหั่นเป็นชิ้น
- ตะไคร้ซอย
- ใบมะกรูด
- กระเทียมกลีบ
- กระเทียมดอง
- น้ำกะทิ
ส่วนผสมแกงขมิ้นไกปลาโบราณ
วิธีทำแกงขมิ้นไตปลาโบราณ
- เครื่องแกง นำส่วนผสมทั้งหมด พริกไทยเม็ด เกลือ ใส่ข่า พริกแห้ง ตะไคร้ ขมิ้น พริกขี้หนู ผิวมะกรูด กระเทียม หอมแดง กะปิ มาโขลกรวมกันให้ละเอียด
โขลกส่วนผสมพริกแกงให้ละเอียดเข้ากัน - ปลาย่าง นำมาฉีกเป็นชิ้นพอดีคำ
- ตั้งกระทะ ใส่น้ำกะทิลงไปเคี่ยวให้แตกมัน แล้วใส่เครื่องแกง ปลาย่างลงไป
เมื่อน้ำแกงเดือดใส่ปลาย่างลงไป - ใส่ขมิ้น กระเทียมกลีบ กระเทียมดอง พุงปลา ตะไคร้ ใบมะกรูด เคยปลาลงไป
ใส่ส่วนผสมที่หั่น แกะไว้ลงไป - เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนน้ำงวด จึงปิดไฟ ยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ
เคล็ดลับการปรุง
นำขมิ้นมาหั่นเป็นชิ้น ขูดเปลือก ทุบให้แตก จากนั้นนำมาต้มเพื่อลดกลิ่นและจืดลง แล้วล้างเอาน้ำออก 4 ครั้ง

เป็นยังไงกันบ้างค่ะกับวิธีทำต้มแกงขมิ้น ไตปลาโบราณ ส่วนใหญ่เป็นผักและสมุนไพรที่ใช้นั้น มีประโยชน์ต่อร่างกายและมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการของโรคต่าง ๆ ได้ด้วย ยังไงแล้วลองทำกันดูได้นะค่ะ หรือหากได้มาเที่ยวจังหวัดสุราษฎ์ธานี ก็สามารถหาเมนูนี้ทานกันได้ค่ะ
สามารถติดตามความรู้เเกี่ยวกับการเกษตร เพิ่มเติมได้ที่ เกษตรตำบล.คอม
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : www.youtube.com (MGR Online VDO)
วิธีทำแกงขมิ้น ไตปลาโบราณ เมนูอาหารจังหวัดสุราษฎ์ธานี เมนูเชิดชูอาหารถิ่นปี 2566