แอปเปิล
ชื่ออื่นๆ : แอปเปิ้ล
ต้นกำเนิด : เอเชียกลาง
ชื่อสามัญ : apple
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Malus domestica
ชื่อวงศ์ : Rosaceae
ลักษณะของแอปเปิล
ต้น : เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ผลัดใบ สูง 3 – 12 เมตร เรือนยอดกว้าง กิ่งหนาแน่น
ใบ : ใบรูปไข่เรียงสลับ ยาว 5 – 12 ซม. กว้าง 3 – 6 ซม. ก้านใบยาว 2 – 5 ซม. ปลายใบแหลม ขอบใบหยักคล้ายฟันเลื่อย ใต้ใบปกคลุมด้วยขนนุ่มเล็กน้อย
ดอก : ดอกเกิดขึ้นพร้อมการแตกใบใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ ดอกมีสีขาวแต้มสีชมพู และเข้มขึ้นเมื่อดอกใกล้โรย มีกลีบดอกห้ากลีบ เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 – 3.5 ซม. จะเริ่มออกดอกประมาณเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์
ผล : ผลสุกในฤดูใบไม้ร่วง โดยทั่วไปมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 – 9 ซม. กลางผลมีคาร์เพล (carpel) ห้าโพรงเรียงตัวในรูปดาวห้าแฉก แต่ละโพรงบรรจุไปด้วยเมล็ดหนึ่งถึงสามเมล็ด ผลทรงกลม มีร่องบุ๋มที่ขั้ว และก้นผล หรือกลมแบนเล็กน้อย ผลมีสีหลายสี อาทิ สีแดงอมชมพู สีชมพู สีแดง สีเขียว สีเหลือง ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ การเก็บผลได้ประมาณต้นเดือนมิถุนายน

มีผลรสหวานเรียกว่า ผลแอปเปิล แอปเปิลมีปลูกอยู่ทั่วโลกในลักษณะของไม้ผล และสายพันธุ์ที่ถูกปลูกมากที่สุดคือสกุล Malus ต้นแอปเปิลมีต้นกำเนิดในเอเชียกลาง ซึ่งบรรพบุรุษคือ Malus sieversii ยังคงพบได้ในปัจจุบัน แอปเปิลมีปลูกเป็นเวลาหลายพันปีในเอเชียและยุโรป และกลุ่มอาณานิคมชาวยุโรปนำมาปลูกที่อเมริกาเหนือ แอปเปิลมีความสำคัญทางศาสนาและเทพปกรณัมในหลายวัฒนธรรม รวมถึงนอร์ส กรีก และประเพณีต่าง ๆ ของคริสต์ศาสนิกชนของชาวยุโรป

การขยายพันธุ์ของแอปเปิล
การติดตา, การตัดกิ่ง
การปลูกแอปเปิ้ลในประเทศไทยจะปลูกได้เฉพาะในพื้นที่อากาศหนาวเท่านั้น และพบปลูกได้เพียงในบางจังหวัดที่อยู่บนดอยหรือภูเขาสูง
ธาตุอาหารหลักที่แอปเปิลต้องการ
ประโยชน์ของแอปเปิล
- ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใส ปราศจากสิว ฝ้า และริ้วรอยแห่งวัย
- ช่วยให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ จนมีการกล่าวขานว่ารับประทานแอปเปิลวันละผลช่วยให้ชีวิตยืนยาวและห่างไกลโรค
- ช่วยขับของเสียและสารพิษต่างๆ ที่ตกค้างอยู่ภายในร่างกายออกไป
- ช่วยให้ระดับน้ำตาลและคอเลสเตอรอลในเลือดเป็นปกติ
- ช่วยป้องกันอาการหลอดเลือดตีบหรืออักเสบในสมองแบบเฉียบพลันได้
- ช่วยแก้อาการร้อนในและกระหายน้ำ
- ช่วยให้กระเพาะสามารถย่อยอาหารได้เป็นปกติ
- ช่วยให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้น ท้องไม่ผูก และไม่เสี่ยงต่อโรคริดสีดวงทวาร
- ช่วยป้องกันและบรรเทาโรครูมาตอยด์ และโรคเกาต์ ที่ปวดตามข้อต่างๆ ทั่วร่างกาย
- ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน หรืออาการแพ้ท้องของผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์

แอปเปิลมักนิยมกินดิบ ในไทยใช้ผลแอปเปิลเปรี้ยวมาทำอาหาร เช่น ใส่ในยำ น้ำพริก แต่สามารถพบได้ในอาหารที่เตรียมขึ้น (โดยเฉพาะของหวาน) และเครื่องดื่ม มีความคิดว่าแอปเปิลส่งผลดีต่อสุขภาพมากมาย แต่อย่างไรก็ตาม โปรตีนในแอปเปิลอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้
ชาวกรีกและโรมันเชื่อว่าแอปเปิลเป็นผลไม้แห่งความรักและความสวยงาม ในไบเบิลกล่าวถึงแอปเปิลว่าเป็นผลไม้ต้องห้ามในสวนอีเดนเป็นตัวแทนของบาป ในตำนานกรีก แอปเปิลเป็นผลไม้ต้องห้ามของ Hesperides
สรรพคุณทางยาของแอปเปิล
มีสรรพคุณลดกรดในกระเพาะอาหาร ละลายเสมหะ ลดความดันโลหิต ช่วยขับเกลือโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย มีฤทธิ์เป็นยาระบาย
คุณค่าทางโภชนาการของแอปเปิล
ในแอปเปิ้ล 100 กรัม พลังงาน 52 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย
- คาร์โบไฮเดรต 13.8 กรัม
- น้ำตาล 10.4 กรัม
- เส้นใย 2.4 กรัม
- ไขมัน 0.2 กรัม
- โปรตีน 0.3 กรัม
- แล้วยังมีแคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และสังกะสีด้วย
นักโภชนาการยังพบอีกว่า แอปเปิ้ล สามารถลดโอกาสการเป็นมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด ได้ เพราะมีวิตามิน C และมีตัว antioxidant ที่สามารถทำลายอนุมูลอิสระได้ด้วย – นอกจากนี้แอปเปิ้ลยังคุ้มครองสมองให้ปลอดจากโรค Alzheimer และโรค Parkinson ด้วย และในส่วนของโทษก็มี เช่น – กรด malic ที่มีในแอปเปิ้ล ถ้าเราบริโภคมากก็จะทำลายเคลือบฟัน หรือ- เมล็ดแอปเปิ้ลก็มีสาร amygdalin ซึ่งมีพิษเล็กน้อย
การแปรรูปของแอปเปิล
ใช้ปรุงอาหารได้หลายชนิด เช่น สลัด ซอสแอปเปิล แยม พาย หรืออบแห้ง เป็นต้น
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=10594&SystemType=BEDO
https: //th.wikipedia.org
https: //www.gotoknow.org
https://www.flickr.com
10 Comments