โผงเผง
ชื่ออื่นๆ : รางจืดต้น (ปราจีนบุรี), ดับพิษ (นครศรีธรรมราช), ลำมึนหลวง (คนเมือง), อิเฉ่อะโชเหมาะ (กะเหรี่ยงแดง), สะหน่ำสะอี้ (ปะหล่อง) ส่วนเชียงใหม่เรียก โผงเผง
ต้นกำเนิด : พบขึ้นทั่วไปในพื้นที่ริมป่า ตามป่าละเมาะ หรือในพื้นที่เสื่อมโทรม สภาพดินเหนียวปนดินลูกรัง
ชื่อสามัญ : –
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Senna hirsuta (L.) Irwin & Barneby
ชื่อวงศ์ : LEGUMINOSAE (FABACEAE)
ลักษณะของโผงเผง
ต้น เป็นไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มขนาดเล็ก มีความสูงของต้นประมาณ 2.5-3 เมตร ลำต้นตั้งตรง มีขน และมีกลิ่นเหม็นเขียว
ใบ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ มีใบย่อยประมาณ 4-5 คู่ โดยคู่บนสุดจะมีใบขนาดใหญ่กว่า คู่ล่างๆ จะมีขนาดรองลงมา ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปไข่ รูปขอบขนาน รูปขอบขนานแกมรูปไข่ หรือเป็นรูปใบหอก มีขนาดกว้างประมาณ 1.7-4.3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3.3-10.8 เซนติเมตร แผ่นใบมีขนละเอียดยาวประมาณ 1-1.5 มิลลิเมตร ขึ้นปกคลุมอยู่หนาแน่นทั้งสองด้าน ก้านใบยาวประมาณ 1.7-4.3 เซนติเมตร
ดอก ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ช่อดอกมีดอกย่อยประมาณ 2-4 ดอก กลีบดอกเป็นสีเหลืองสด อับเรณูเป็นสีน้ำตาลแกมสีเหลือง ส่วนยอดเกสรเพศเมียเป็นสีเขียวอ่อน ก้านชูเกสรเพศเมียมีปุยขนยาวสีขาว
ผล ลักษณะของผลเป็นฝักโค้งเล็กน้อย มีขนละเอียดปกคลุมอยู่หนาแน่น ขอบเป็นสันเหลี่ยม ภายในผลมีเมล็ดเป็นจำนวนมาก เมล็ดเป็นสีม่วงดำ มีรูปร่างแบนและมีขนาดกว้างประมาณ 2 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร
การขยายพันธุ์ของโผงเผง
เพาะเมล็ด
ธาตุอาหารหลักที่โผงเผงต้องการ
ประโยชน์ของโผงเผง
- ยอดอ่อนโผงเผงกินเป็นผัก
- ใบและยอดอ่อนเป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติสำหรับสัตว์แทะเล็ม เช่น โค กระบือ
- ชาวกะเหรี่ยงนำเมล็ดแก่นำไปคั่วไฟอ่อน แล้วนำมาต้มกับน้ำ ใช้ดื่มเป็นน้ำชา มีกลิ่นหอม
สรรพคุณทางยาของโผงเผง
- ใบ ผสมกับรากขางครั่ง นำมาบดให้เป็นผงละเอียด ทำเป็นยาลูกกลอนกินเป็นยาแก้ไข้
- รากนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้อาการนอนไม่หลับ ทำให้ง่วงนอน
- เมล็ด นำมาคั่วแช่ในน้ำ หรือใช้รากนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้อาการปัสสาวะขัด หรือท้องผูก
- ทั้งต้น นำมาต้มให้สตรีหลังคลอดบุตรดื่ม
คุณค่าทางโภชนาการของโผงเผง
การแปรรูปของโผงเผง
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11481&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com
One Comment