กรวยป่า
ชื่ออื่นๆ : ก้วย, ผีเสื้อหลวง, สีเสื้อหลวง (ภาคเหนือ) ขุนเหยิง, บุนเหยิง (สกลนคร) คอแลน (นครราชสีมา) ตวย (เพชรบูรณ์) ตวยใหญ่, ตานเสี้ยน (พิษณุโลก) ผ่าสาม (นครพนม, อุดรธานี) กรวยป่า (กลาง)
ต้นกำเนิด :
ชื่อสามัญ : Kruaipaa
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Casearia grewiaefolia Vent. var.grewiifolia
ชื่อวงศ์ : FLACOURTIACEAE
ลักษณะของกรวยป่า
ต้น ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลางไม่ผลัดใบ สูง 7-18 เมตร เปลือกสีเทาปนน้ำตาล ผิวเขียวเข้ม หรือแตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ
ใบ ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับดอกสองข้างของโคนใบ ใบมน ปลายแหลมทู่ ๆ เนื้อใบหนา หลังใบเกลี้ยง
ดอก ดอกขนาดเล็ก สีเขียวอ่อน ผลรูปรี โต
ผล ผลแก่สีเขียวจัด เมล็ดมีรูปร่างเป็นเหลี่ยม

การขยายพันธุ์ของกรวยป่า
ใช้เมล็ด/เพาะเมล็ด
ในประเทศไทยพบทั่วทุกภาค ในต่างประเทศพบที่มาเลเซีย อินโดนีเซีย และหมู่เกาะในภูมิภาคเมลานีเซีย
ธาตุอาหารหลักที่กรวยป่าต้องการ
ประโยชน์ของกรวยป่า
- เมล็ด ใช้เบื่อปลา
- ใบ หุง เป็นน้ำมันทาบาดแผลและผิวหนังเป็นยาฆ่าแบคทีเรีย
สรรพคุณทางยาของกรวยป่า
- ใบ ต้มรับประทาน มีรสเมา แก้พิษกาฬ แก้โรคผิวหนังผืนคันที่มีตัว
- ใช้ใบหั่นผสมกับยาสูบมวนสูบๆ แก้ริดสีดวงจมูก
- ดอก ต้มรับประทาน แก้พิษกาฬ พิษไข้
เมล็ด แก้ริดสีดวง และใช้เบื่อปลา - ราก ต้มแก้ท้องร่วง แก้ตับพิการ
- เปลือกต้น บำรุงธาตุ บำรุงกำลัง น้ำมันในเมล็ดทาแก้โรคผิวหนัง
- ใบ แก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน เมล็ด แก้ริดสีดวงทวาร
คุณค่าทางโภชนาการของกรวยป่า
การแปรรูปของกรวยป่า
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=10312&SystemType=BEDO
www.flickr.com