เท้ายายม่อม
ชื่ออื่นๆ : นางส่อน (นครราชสีมา) กาซะลอง, จรดพระธรณี, ดอกคาน (ยะลา) เท้ายายม่อม (ภาคกลาง, จันทบุรี) เท้ายายม่อมป่า (อุบลราชธานี) ปิ้งขม,ปิ้งหลวง (ภาคเหนือ) พญารากเดียว (ภาคใต้) พญาเล็งจ้อน, เล็งจ้อนใต้ (เชียงใหม่) พมพี (อุดรธานี) พอกวอ (กะเหรี่ยง – กําแพงเพชร) พินพี (เลย) โพพิ่ง (ราชบุรี) ไม้เท้าฤๅษี (ภาคเหนือ, ภาคใต้); หญ้าลิ้นจ้อน (ประจวบคีรีขันธ์)
ต้นกำเนิด :
ชื่อสามัญ : Fiji arrowroot, Polynesian arrowroot
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Clerodendrum petasites S. Moore
ชื่อวงศ์ : VERBENACEAE
ลักษณะของเท้ายายม่อม
ต้น เท้ายายม่อมเป็นไม้พุ่มสูง 1 – 2 เมตร ลําต้นตั้งตรงบริเวณปลายกิ่งเป็นสันสี่เหลี่ยมลําต้นแก่สีน้้ำตาลอมเทา
ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงเวียนเป็นวงกลม ประกอบด้วยก้านใบที่แทงออกจากหัว ก้านใบมีลักษณะทรงกลม และตั้งตรง สีเขียวอ่อน สูงประมาณ 20-170 เซนติเมตร แผ่นใบมีขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 50-70 เซนติเมตร ยาวประมาณ 80-120 เซนติเมตร ขอบใบเว้าลึกเป็นแฉกหลายแฉกคล้ายรูปฝ่ามือ ปลายแฉกเรียวแหลม
ดอก ออกดอกเป็นช่อ มีก้านดอกหลักที่เป็นลำต้นเทียม ยาวประมาณ 100-170 เซนติเมตร ช่อดอกอยู่ปลายสุด มีดอกย่อยประมาณ 15-30 ดอก ระหว่างดอกย่อยมีใบประดับเป็นเส้นทรงกลมยาวสีดำหรือสีม่วงอมน้ำตาล ประมาณ 20-40 อัน/ช่อดอก แต่ละเส้นยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร ดอกย่อยมีลักษณะเป็นรูปกรวย คล้ายดอกรัก ถูกหุ้มด้วยกลีบเลี้ยงสีเขียวประด้วยสีดำ ด้านในเป็นกลีบดอก จำนวน 5 กลีบ มีสีเหลืองหรือสีเขียวอมม่วง ภายในมีเกสรตัวผู้ 6 อัน ปลายแผ่เป็นแผ่น ตรงกลางเป็นก้านเกสรเพศตัวเมีย ปลายเกสรแยกเป็น 3 แฉก ทั้งนี้ เท้ายายม่อมจะออกดอกในช่วงตุลาคม-มกราคม
ผล ผลรูปทรงกลมเมื่อสุกสีดํามีกลีบเลี้ยงสีแดงติดอยู่ออกผลเดือนสิงหาคม-กันยายน

การขยายพันธุ์ของเท้ายายม่อม
เพาะเมล็ด, แยกหน่อ
ธาตุอาหารหลักที่เท้ายายม่อมต้องการ
ประโยชน์ของกล้วยหอมทอง
ยอดอ่อนดอกอ่อน ลวกต้มรับประทานกับน้ำพริกหรือแกงส้ม รสขมเล็กน้อย

สรรพคุณทางยาของกล้วยหอมทอง
เหง้านำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง
คุณค่าทางโภชนาการของกล้วยหอมทอง
การแปรรูปของกล้วยหอมทอง
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11049&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com