บวบหอม
ชื่ออื่นๆ : ตะโก๊ะสะ(กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน), เบล่จูจ้า(ปะหล่อง), บวบ(คนเมือง), เล่ยเซ(เมี่ยน), เต้าหยัวเยี่ยะ(ม้ง) – กะตอร่อ (มลายู – ปัตตานี); บวบกลม, บวบขม (กลาง); บวมอ้ม, มะนอยขม, มะนอยอ้ม (เหนือ)
ต้นกำเนิด :
ชื่อสามัญ : บวบหอม, บวบกลม
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Luffa cylindrical (Linn.) M.J Roem
ชื่อวงศ์ : CUCURBITACEAE
ลักษณะของบวบหอม
ต้น บวบเป็นพืชเถาเลื้อย มีอายุเพียงปีเดียว ลำต้นและกิ่งก้านมีขน ขนจะค่อย ๆ หลุดร่วงไปเมื่อแก่; ตามข้อมีมือเกาะเป็นเส้นยาว, มักแยกเป็น 3 แขน
ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับกัน มีขนาดกว้างและยาว 12 – 20 ซม. ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเล็กน้อย มีรอยเว้าลึกเป็น 5 แฉก โคนใบเว้าเป็นรูปหัวใจ ก้านใบยาว 6 – 10 ซม. เป็นเหลี่ยม
ดอก ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่บนต้นเดียวกัน ออกเดี่ยว ๆ หรือเป็นช่อ ดอกเพศผู้ เป็นช่อ ยาว 10 – 15 ซม. ก้านดอกยาว 1 – 2 ซม. กลีบรองกลีบดอกโคนเชื่อมติดกันเป็นท่อสั้น ๆ ปลายแยกเป็นกลีบเล็ก ๆ เรียงยาว, 5 กลีบ มีขน กลีบดอก 5 กลีบ, รูปไข่กลับหรือรูปรี สีเหลืองหรือเหลืองอ่อน, ขอบกลีบมีรอยย่นเป็นคลื่น ดอกบานเต็มที่กว้าง 3 – 5 ซม. กลีบมีขนาดกว้าง 1 – 1.5 ซม., ยาว 2 – 3 ซม. เกสรผู้ 3 อัน อับเรณูมีจำนวนช่องไม่เท่ากัน คือ อับเรณูที่มี 1 ช่อง 1 อัน และ 2 ช่อง 2 อัน. ดอกเพศเมีย มักออกเป็นดอกเดี่ยว ก้านดอกยาว 1 – 7 ซม.; กลีบรองกลีบดอกและกลีบดอก มีลักษณะเหมือนดอกเพศผู้ รังไข่รูปทรงกระบอก, อยู่ต่ำกว่ากลีบรองกลีบดอกและกลีบดอก ภายในมี 3 ช่อง มีไข่อ่อนเรียงตามแนวยาวจำนวนมาก ท่อรังไข่ กลมสั้น ปลายแยกเป็น 3 แฉก
ผล รูปทรงกระบอก, เส้นผ่าศูนย์กลาง 4 – 10 ซม., ยาว 15 – 30 ซม., ปลายผลมีรอยของกลีบรองกลีบดอกเหลืออยู่ ผลอ่อนสีเขียว มีลายสีเขียวแก่ ผลแก่สีเขียวอมเหลืองหรือเขียวเข้มปนเทา เนื้อในมีเส้นใยเหนียวเป็นร่างแห เมล็ด รูปรี แบน กว้าง 6 – 8 มม., ยาว 1.2 – 1.5 ซม. เมื่อแก่สีดำ
การขยายพันธุ์ของบวบหอม
การเพาะเมล็ด
ธาตุอาหารหลักที่บวบหอมต้องการ
ประโยชน์ของบวบหอม
- ยอดอ่อนและผลอ่อน นำไปประกอบอาหาร เช่น แกง ผัด หรือลวกกินกับน้ำพริก(กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน,คนเมือง,ปะหล่อง)
- ผลอ่อน ประกอบอาหารเช่น แกง(ม้ง)
- เส้นใย ใช้ล้างถ้วยจาน(ม้ง)
- ใย เอามาขัดตัวหรือใช้ล้างจาน(เมี่ยน)
- ผลแก่ ใยเอาไปขัดหม้อ หรือขัดถูตัว(กะเหรี่ยง)
- ใยบวบ ใช้รองหม้อนึ่งข้าว และขัดหม้อ(ปะหล่อง,คนเมือง)
สรรพคุณทางยาของบวบหอม
- ราก น้ำต้มราก, กินเป็นยาระบาย
- ใบ ใบอ่อนกินได้, น้ำคั้นใบสด, เป็นยาขับระดู, ฟอกเลือด, ส่วนน้ำต้มใบ, ใช้ร่วมกับยาขับปัสสาวะอื่น ๆ , ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ และแก้ปัสสาวะเป็นเลือด ; ตำเป็นยาพอก, แก้อาการบวมอักเสบและฝี
- ผล ผลอ่อนกินได้ เป็นยาระบาย, ขับลม, ขับน้ำนม และแก้อาการเลือดออกตามทางเดินอาหาร และจากกระเพาะปัสสาวะ
- เมล็ด กินเป็นยาทำให้อาเจียน และเป็นยาระบาย
คุณค่าทางโภชนาการของบวบหอม
คุณค่าทางโภชนาการของผลบวบหอม ต่อ 100 กรัม
- พลังงาน 16 กิโลแคลอรี
- โปรตีน 0.7 กรัม
- ไขมัน 0.1 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 3.0 กรัม
- เส้นใยอาหาร 0.2 กรัม
- เถ้า 0.3 กรัม
- น้ำ 95.9 กรัม
- วิตามินเอรวม 1 RE
- วิตามินบี 1 0.37 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 2 0.05 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 3 0.2 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 15 มิลลิกรัม
- ธาตุแคลเซียม 3 มิลลิกรัม
- ธาตุฟอสฟอรัส 3 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 0.4 มิลลิกรัม
การแปรรูปของบวบหอม
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=10071&SystemType=BEDO
https://eherb.hrdi.or.th/search_result_details.php?herbariumID=1074&name=Smooth
https://www.flickr.com
One Comment