หน้าใสด้วยผลไม้ใกล้ตัว
สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ หยาบกร้านเพราะขาดการบำรุง และกำลังมองหาตัวช่วยที่ทำให้ผิวหน้ากลับมามีสุขภาพดี การบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง สดใส ก็ต้องทานผลไม้ให้มากๆ เพราะผลไม้เป็นแหล่งของวิตามินชั้นเลิศ ที่หาทานได้ง่ายๆ จากธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องพี่งสารเคมีแต่อย่างใด วันนี้เกษตรตำบลได้ทำการรวบรวมสูตรสำหรับพอกหน้าใสที่ได้รับความนิยมด้วยผลไม้ที่ทำให้หน้าใสและด้วยสมุนไพรใกล้ตัวเรา เป็นการมาร์คหน้าขาวใสธรรมชาติ มาร์คหน้าด้วยวิธีธรรมชาติ มาฝากกันค่ะ มีอะไรกันบ้างนั้น ตามมาดูกันเลยค่ะ

1.สูตรน้ำผึ้ง+โยเกิร์ต
นำน้ำผึ้งและโยเกิร์ตมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาพอกลงบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
2. สูตรมะละกอสุก+นมสด
นำมะละกอสุกและนมสดมาทำการผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
3. สูตรน้ำมะพร้าว
นำน้ำมะพร้าวมาทาบนใบหน้า เนื่องจากน้ำมะพร้าวสามารถช่วยทำให้ผิวนุ่มเนียน และชุ่มชื่นมากยิ่งขึ้น

4. สูตรกล้วยหอม+นมสด
นำกล้วยหอมและนมสดมาผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
5. สูตรโยเกิร์ต
นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติมาพอกหน้า แล้วทิ้งเอาไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
6. สูตรดินสอพอง
เป็นสูตรที่เหมาะกับคนหน้ามัน นำดินสอพองมาผสมกับน้ำเปล่า แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
7. สูตรไข่ขาว
นำไข่ขาวมาพอกที่หน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
8. สูตรขมิ้น
นำขมิ้นมาบดให้ละเอียดผสมน้ำเล็กน้อย แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกลงบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

9. สูตรแอปเปิล
นำแอปเปิลประมาณครึ่งผล ปั่นให้ละเอียดโดยที่ไม่ต้องปอกเปลือก แล้วนำมาพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
เป็นยังไงกันบ้างค่ะ กับสูตรหน้าใสที่ใช้ผลไม้และสมุนไพรใกล้ตัวเรา นำมาฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมามีสุขภาพดีได้ไม่มากก็น้อย อีกอย่างก็เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย เนื่องจากเป็นของที่หาได้ง่ายไม่มีส่วนผสมอะไรที่เยอะอีกด้วยค่ะ
สามารถติดตามความรู้ ข่าวสาร การเกษตร เทคนิคการเกษตร ความรู้ทั่วไป และความรู้เรื่องกล้วย ได้ที่ เกษตรตำบล.คอม
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : www.ccs.nfe.go.th
ภาพประกอบ : www.flickr.com
2 Comments