ยางน่องเครือ
ชื่ออื่นๆ : เครือน่อง, ยางน่องเครือ (อุบลราชธานี) น่อง, ยางน่องเถา
ต้นกำเนิด : ประเทศจีน
ชื่อสามัญ : ยางน่อง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Strophanthus caudatus (Linn.) Kurz.
ชื่อพ้อง : Strophantus scandens
ชื่อวงศ์ : Apocynaceae
ลักษณะของยางน่องเครือ
ต้น ไม้เถาเนื้อแข็งเลื้อยพาดพันต้นไม้อื่น สูงได้ถึง 12 เมตร เถากลม เกลี้ยง เปลือกสีน้ำตาลแดง ไส้อ่อน ทั้งต้นมีน้ำยางสีขาวมีพิษ
ใบ ใบเดี่ยว หนาเรียบ แข็ง ใหญ่และยาว เรียงตรงข้าม รูปวงรี รูปไข่กลับหรือรูปไข่ กว้าง 3-9 เซนติเมตร ยาว 5-15 เซนติเมตร ปลายใบแหลม เป็นมันสีเขียวเข้ม
ดอก ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาวนวล 5 กลีบ ปลายแหลมยาวสีแดงเข้มเมื่อแรกบาน แล้วเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและแดง ปลายกลีบสีเหลืองแล้วเปลี่ยนเป็นสีแดงและม่วง รยางค์รูปมงกุฎสีแดง แล้วเปลี่ยนเป็นสีม่วง
ผล เป็นฝักคู่ รูปทรงกระบอก ขนาดใหญ่ กว้าง 2-5 เซนติเมตร ยาว 13-30 เซนติเมตร เมื่อแก่จัดสีน้ำตาลแดง และแตกออก เมล็ดสีน้ำตาล มีขนสีขาว ปลิวไปตามลม เกิดตามที่รกร้างว่างเปล่าทั่วไป ในป่าละเมาะ ป่าแล้ง
การขยายพันธุ์ของยางน่องเครือ
การใช้เมล็ด, การตอนกิ่ง
ธาตุอาหารหลักที่ยางน่องเครือต้องการ
ชอบแสงแดดจัด
ประโยชน์ของยางน่องเครือ
- ปลูกเป็นซุ้มไม้เลื้อย
สรรพคุณของยางน่องเครือ
- ยางมีรสเมาเบื่อเป็นพิษ บำรุงหัวใจอย่างแรง ไม่ควรนำมาใช้เอง เพราะอันตรายมาก ทางยาควรใช้แต่น้อยที่สุดจึงจะมีผลในทางดีได้ หรือใช้แก้ช็อกหมดสติ หมอโบราณกล่าวว่าใช้ยางไม้นี้ผสมทำยาพิษอาบลูกดอก ทำให้พิษแล่นเร็ว ยางจากต้น ผสมกับยาพิษชนิดอื่น เช่น พิษจากงูเห่า และสัตว์มีพิษอื่นๆมาผสมรวมกัน ทาลูกหน้าไม้ล่าสัตว์ เพราะยางไม้นี้นำพิษซึมเข้าบาดแผลอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนรับประทานเนื้อสัตว์ให้เฉือนเอาเนื้อร้ายที่มีสีเขียวออกจนหมด จึงจะรับประทานเนื้อสัตว์นั้นได้
คุณค่าทางโภชนาการของยางน่องเครือ
การแปรรูปยางน่องเครือ
สามารถติดตามความรู้เเกี่ยวกับการเกษตร เพิ่มเติมได้ที่ เกษตรตำบล.คอม
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ภาพประกอบ : สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย, สวนพฤกษศาสตร์พุแค
สวยแต่น่ากลัว