ยางกราด
ชื่ออื่นๆ : ยางกราด, กาด,ยางสะแบง (นครราชสีมา) กราด, ซาด (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) กร้าย (ส่วย – สุรินทร์) ชะแบง, ตะแบง, สะแบง (สุรินทร์) ตรายด์ (เขมร, ส่วย – สุรินทร์) ยางกราด(สระบุรี) ลาง (ชลบุรี) เหียง กราด
ต้นกำเนิด :
ชื่อสามัญ : ยางกราด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dipterocarpus intricatus dyer
ชื่อวงศ์ : DIPTEROCARPACEAE
ลักษณะของยางกราด
ต้น ไม้ต้นสูง 20-30 เมตร ผลัดใบ เปลือกแตกเป็นร่องลึกยาวหรือแตกเป็นสะเก็ดตามขวาง ลำต้นมีเปลือกสีน้ำตาล กาบต้นหนาแตกเป็นร่องลึก
ใบ ใบเดี่ยวเรียงสลับ ใบรูปไข่หรือรูปไข่แกมขอบขนานปลายมนโคนใบรูปหัวใจ ขอบใบเรียบ ผิวใบด้านบน มีขนหยาบและสากด้านล่างมีขนยาวรูปดาว
ดอก ดอกช่อแบบแยกแขนงออกตามซอกใบ หรือปลายกิ่ง กลีบดอกด้านนอกสีขาว ด้านในสีขาวปนชมพู ใบกลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนเชื่อมติดกันปลายแยกบิดรูปกังหันสีขาวแซมแดง
ผล ผลรูปร่างค่อนข้างกลม เป็นจีบพันและมีปีกยาว 2 ปีก ปีกสั้น 3 ปีก


การขยายพันธุ์ของยางกราด
ใช้เมล็ด
ธาตุอาหารหลักที่ยางกราดต้องการ
ประโยชน์ของยางกราด
- เนื้อไม้ใช้ก่อสร้างทำเฟอร์นิเจอร์ทำไม้กระดาน
- ดอกออน รับประทานสดจิ้มกับน้ำพริก ลาบ มีรสเปรี้ยว
- ส่วนขี้ซี (ยางชัน) ใช้เป็นเชื้อจุดไฟ (ไต้)
- ดอกนำมาร้อยถวายพระ
- น้ำมันหรือน้ำยางใช้เหมือนไม้ยาง(จากการสัมภาษณ์และการจัดประชุมเสวนาผู้นำในชุมชน)

สรรพคุณทางยาของยางกราด
- น้ำจากลำต้น ดื่มแก้ซาง ตาลขโมยในเด็ก
- น้ำต้มเปลือก ใช้ทาถูนวด แก้ปวดข้อ
คุณค่าทางโภชนาการของยางกราด
การแปรรูปของยางกราด
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=9308&SystemType=BEDO
http://www.ngnkorat.ac.th
https://www.flickr.com