หมากเบ็น
ชื่ออื่นๆ : ตะขบป่า (ภาคกลาง) ตานเสี้ยน, มะเกว๋นนก, มะเกว๋นป่า (ภาคเหนือ) บักเบน, หมากเบน (หนองคาย)
ต้นกำเนิด : พบตามป่าเต็งรัง ป่าชายหาด ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้งและป่าผสมผลัดใบ ตลอดจนตามริมแม่น้ำ
ชื่อสามัญ : Governor’s plum, Indian plum
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Flacourtia indica (Burm.f.) Merr.
ชื่อวงศ์ : FLACOURTIACEAE
ลักษณะของหมากเบ็น
ต้น เป็นไม้ต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 5-10 เมตร เปลือกต้นมีหนามแหลม แข็ง ขึ้นตามต้นและกิ่ง เปลือกต้นมีสีเทาปนน้ำตาล เปลือกแตกเป็นสะเก็ดแผ่นบาง
ใบ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ มักออกหนาแน่นบริเวณปลายกิ่ง ใบรูปไข่กลับ โคนใบสอบ ปลายใบมน ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ผิวใบเรียบ ใบกว้างประมาณ 2-4 เซนติเมตร ยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร
ดอก ดอกเป็นดอกช่อ ออกเป็นกระจุกบริเวณซอกใบหรือตากิ่ง ดอกมีสีขาว
ผล เป็นผลเดี่ยว มีลักษณะกลม ขนาดประมาณเท่านิ้วมือ ผลอ่อนสีเขียวมีรสฝาด ผลสุกสีแดงหรือแดงปนม่วง รสหวานปนฝาด ผลจะสุกประมาณเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม


การขยายพันธุ์ของหมากเบ็น
ใช้เมล็ด/นำเมล็ดมาเพาะปลูก
ธาตุอาหารหลักที่หมากเบ็นต้องการ
ประโยชน์ของหมากเบ็น
- ผลดิบ มีรสฝาด ใช้ตำกับผลไม้รสเปรี้ยว
- ผลสุกรสหวาน ฝาด

สรรพคุณทางยาของหมากเบ็น
- แก่นเป็นยาแก้ท้องเสีย
- แก่นและรากต้มดื่ม
- รากเป็นยาบำรุงไต
- ผลนำมาใช้เป็นยาฝาดสมานได้
คุณค่าทางโภชนาการของหมากเบ็น
การแปรรูปของหมากเบ็น
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=12140&SystemType=BEDO
wwwsatit.msu.ac.th
www.flickr.com