มะเดื่อปล้อง
ชื่ออื่นๆ : เดื่อสาย (เชียงใหม่) ดื่อปล้อง (นครศรีธรรมราช, สระบุรี, ภาคเหนือ) เดื่อป่อง (กรุงเทพฯ) หมากหนอด (ไทใหญ่) ตะเออน่า, เอาแหน่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ดิ๊โจ่เหมาะ (กะเหรี่ยงแดง) ฮะกอสะนียา (มลายู-นราธิวาส) ไฮ่มะเดื่อปล้อง (ปะหล่อง) กระซาล (ขมุ) ลำเดื่อ, ลำเดื่อปล้อง (ลั้วะ) งงหยอเจีย (เมี่ยน)
ต้นกำเนิด : ศรีลังกา จีนตอนใต้ เอเชียใต้ และตะวันออกเฉียงใต้
ชื่อสามัญ : มะเดื่อปล้อง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus hispida Linn. f.
ชื่อวงศ์ : MORACEAE
ลักษณะของมะเดื่อปล้อง
ต้น ไม้ยืนต้นขนาดกลางสูงประมาณ 5-10 เมตร ลำต้นเดี่ยวตั้งตรงเปลือกหนา กิ่งแขนงแตกเป็นพุ่มทรงกลมทั้งต้น มีน้ำยางสีขาว ลำต้นมีรอยควั่นเป็นปล้องหรือเป็นข้อๆ คล้ายข้อไม้ไผ่ตลอดจนถึงกิ่ง
ใบ ใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน รูปไข่แกมขอบขนานหรือรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ผิวสากหนืดมือ คล้ายใบย่อยมีขนนาบกับแผ่นใบสีเขียวสด
ดอก มีสีเหลืองแกมเขียว ออกช่อกระจุกแน่น เจริญอยู่ในฐานรองดอกกลมกลวงเหมือนลูกแพร์ แกมรูปไข่กลับกว้าง ดอกย่อยแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกันเป็นสีชมพูอ่อน ออกดอกราวเดือนมกราคมถึงมีนาคม
ผล กลมแป้นขนาดเล็กติดเป็นกลุ่มแน่น 10-15 ผล สีเขียวสดเมื่อแก่มีสีน้ำตาลปนเขียว ติดผลเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม


การขยายพันธุ์ของมะเดื่อปล้อง
ใช้เมล็ด
ธาตุอาหารหลักที่มะเดื่อปล้องต้องการ
ดินร่วน และมีอินทรีย์วัตถุ ระบายน้ำได้ดี
ประโยชน์ของมะเดื่อปล้อง
- ปลูกเป็นไม้ประดับกลางแจ้ง
- ผลรับประทานได้ รสฝาดอมหวาน
สรรพคุณทางยาของมะเดื่อปล้อง
- ยาพื้นบ้านล้านนาใช้ใบต้มน้ำดื่ม รักษาอาการม้ามโต มีไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะเป็นเลือดหรือเหลืองจัด
- ราก ต้นต้มดื่มน้ำ กระตุ้นการหลั่งน้ำนม
- ผลมีรสขม เป็นยาเย็น มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
- เปลือกต้น มีรสฝาด รับประทานแก้ท้องร่วง ชะล้างบาดแผล เป็นยาสมานดี
- ราก เป็นยาแก้ไข้ กระทุ้งพิษไข้ แก้ไข้หัว ไข้กาฬ ไข้พิษทุกชนิด กล่อมเสมหะ และโลหิต
คุณค่าทางโภชนาการของมะเดื่อปล้อง
การแปรรูปของมะเดื่อปล้อง
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11871&SystemType=BEDO
http:// trees4school.hsw.ac.th
https://www.flickr.com