เพี้ยกระทิง ไม้พุ่ม เปลือกลำต้นสีเทา มีกลิ่นหอม ยอดอ่อนรับประทานสดกับลาบ

เพี้ยกระทิง

ชื่ออื่นๆ : แสงกลางวัน,ขมสามดอย(ไทใหญ่), เพี้ยกระทิง,สะเลียมดง(กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน), มะโหกโตน(คนเมือง), ตะคะโดะ(กะเหรี่ยงเชียงใหม่) – ผักส้มเสี้ยนผี (ภาคเหนือ)

ต้นกำเนิด :

ชื่อสามัญ : เพี้ยกระทิง, สะเลียมดง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Melicope pteleifolia (Champ. ex Benth.) Hartley

ชื่อวงศ์ : Rutaceae

ลักษณะของเพี้ยกระทิง

ไม้พุ่ม เปลือกลำต้นสีเทา มีกลิ่นหอม กิ่งอ่อนมีขนสั้นสีขาวปกคลุม ใบประกอบ ไม่มีหูใบ ผิวใบด้านบนขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างมีขนสั้นสีขาวปกคลุม ดอกช่อ ออกตามซอกใบ ช่อดอกและดอกย่อยมีกาบหุ้มสีเขียวรองรับ ดอกย่อยเป็นดอกสมบูรณ์เพศ กลีบเลี้ยงสีเขียว กลีบดอกสีขาว อับละอองเรณูสีเหลือง ผลแก่แล้วแตกเป็น 2 แนว เมล็ดสีดำ ผิวเรียบ

เพี้ยกระทิง
เพี้ยกระทิง ไม้พุ่ม กิ่งอ่อนมีขนสั้นสีขาวปกคลุม

การขยายพันธุ์ของเพี้ยกระทิง

การเพาะเมล็ด

ธาตุอาหารหลักที่เพี้ยกระทิงต้องการ

ประโยชน์ของเพี้ยกระทิง

  • ยอดอ่อนรับประทานสดกับลาบ
  • ใบนำมาย่างไฟอ่อนแล้วขยี้เป็นแผ่นเล็กๆหรือใส่ลงในแกงทั้งใบเพื่อเพิ่มรสขม
ดอกเพี้ยกระทิง
ดอกเพี้ยกระทิง ดอกสีขาว อับละอองเรณูสีเหลือง

สรรพคุณทางยาของเพี้ยกระทิง

  • ตำรับยาพื้นบ้านล้านนาจะใช้รากเพี้ยกระทิงผสมกับรากพลับพลา นำมาต้มกับน้ำให้ข้น ใช้ดื่มก่อนอาหารวันละ 3-4 ครั้ง เป็นยาแก้ไข้หนาว
  • ใบนำมารับประทานสดเป็นยาแก้ตุ่มคัน
  • รากใช้เป็นยารักษาโรคริดสีดวง

คุณค่าทางโภชนาการของเพี้ยกระทิง

การแปรรูปของเพี้ยกระทิง

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11865&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com

Add a Comment