นางพญาเสือโคร่ง
ชื่ออื่นๆ : วีวรรณ, ชมพูภูพิงค์ (เหนือ) เส่คาแว่, เส่แผ่, แส่ลาแหล (กะเหรี่ยง เชียงใหม่) ซากูระดอย (เชียงใหม่) และได้รับฉายาว่า “ซากูระเมืองไทย”
ต้นกำเนิด : เอเชียทางตอนใต้
ชื่อสามัญ :
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Prunus cerasoides D.Don
ชื่อวงศ์ : Prunus
ลักษณะของนางพญาเสือโคร่ง
ต้น เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ มีความสูงประมาณ 10-15 เมตร

ใบ เป็นชนิดใบเดี่ยว ลักษณะรูปรีแบบไข่ หรือไข่กลับ ออกสลับกัน ใบมีความกว้าง 3-5 เซนติเมตร ยาว 5 -12 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม โคนใบกลมหรือสอบแคบ ขอบใบหยัก ขอบจักปลายก้านใบมีต่อม 2-4 ต่อม หูใบแตกแขนงคล้ายเขากวาง ใบร่วงง่าย

ดอก สีขาว ชมพู หรือแดง ออกเป็นช่อกระจุกใกล้ปลายกิ่ง ก้านดอกยาว 0.7-2 เซนติเมตร ขอบริ้วประดับจักไม่เป็นระเบียบ กลีบเลี้ยงติดกันเป็นรูปกรวย กลีบดอกมี 5 กลีบ เมื่อบานขนาดโตเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 เซนติเมตร ระยะเวลาออกดอกระหว่างเดือนธันวาคมจนถึงกุมภาพันธ์ โดยจะทิ้งใบก่อนออกดอก

ผล รูปไข่หรือกลม ยาว 1-1.5 เซนติเมตร เมื่อสุกสีแดง

การขยายพันธุ์ของนางพญาเสือโคร่ง
ใช้เมล็ด
ธาตุอาหารหลักที่นางพญาเสือโคร่งต้องการ
ประโยชน์ของนางพญาเสือโคร่ง
- ปลูกเป็นไม้ประดับ เพื่อชมความงามของดอก
- ผลของนางพญาเสือโคร่งสามารถนำมารับประทานได้ มีรสเปรี้ยว
สรรพคุณทางยาของนางพญาเสือโคร่ง
- เปลือกต้น เป็นยาแก้ไอ ลดน้ำมูก แก้อาการคัดจมูก
- ฝัก มีรสหวานเอียน ใช้เป็นยาระบายพิษไข้ ให้ถ่ายเสมหะ
คุณค่าทางโภชนาการของนางพญาเสือโคร่ง
การแปรรูปของนางพญาเสือโคร่ง
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11454&SystemType=BEDO
www.flickr.com
One Comment