อโวคาโด
ชื่ออื่นๆ : อะโวคาโด, อาโวคาโด, ลูกเนย
ต้นกำเนิด : อเมริกากลาง และหมู่เกาะเวนต์อินดีส
ชื่อสามัญ : อโวคาโด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Persea americana Mill
ชื่อวงศ์ : Lauraceae
ลักษณะของอโวคาโด
อาโวคาโดเป็นไม้ยืนต้น ต้นโตเต็มที่สูงถึง 18 เมตร เปลือกต้นสีน้ำตาลอ่อน ผิวขรุขระ ใบสีเขียวสด ดอกขนาดเล็ก สีเขียวอมเหลือง ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งผลกลมรีหรือทรงลูกแพร์ มีทั้งพันธุ์เปลือกหนาและเปลือกบาง เนื้อสีเขียวออกเหลือง รสมัน เนื้อละเอียด ไม่มีกลิ่น มีเมล็ดเดียว มีรกหุ้มเมล็ด อะโวคาโดแบ่งเป็น 3 เผ่าคือ
- เผ่ากัวเตมาลา ผลสีเขียว ขั้วผลขรุขระ เมล็ดเรียบเล็กค่อนข้างกลม เนื้อหนา ไขมันสูง ชอบอากาศหนาวเย็นปานกลาง เช่น พันธุ์แฮส (Hass) พันธุ์พิงค์เคอตัน (Pinkerton)
- เผ่าอินดีสตะวันตก ผิวผลเรียบเป็นมัน สีเขียวอมเหลือง เปลือกหนา เมล็ดอยู่ในโพรงเมล็ดอย่างหลวม ๆ รสหวานอ่อน ไขมันน้อย ชอบอากาศร้อน เช่น พันธุ์ปีเตอร์สัน (Peterson)
- เผ่าเม็กซิโก ผลเล็กเรียบ เมื่อแก่สีม่วง เปลือกบางกว่าอีก 2 เผ่า เปลือกหุ้มเมล็ดบาง เมล็ดใหญ่อยู่ในโพรงเมล็ดอย่างหลวม ๆ มีไขมันมากที่สุด ทนอากาศเย็นได้ดีที่สุด
อาโวกาโดเป็นผลไม้ที่มีการค้าขายและเพาะปลูกในภูมิอากาศเขตร้อนทั่วโลก (และบางส่วนในเขตอบอุ่น เช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย) มีผลสีเขียวทางลูกสาลี่ที่จะสุกหลังการเก็บเกี่ยว ต้นไม้สามารถถ่ายเรณูในต้นเดียวกันได้และบ่ายครั้งการขยายพันธุ์จะใช้การติด ตาตอนกิ่งเพื่อที่จะสามารถควบคุมคุณภาพและปริมาณของผลได้
การให้ผลผลิตของอะโวคาโด
- พันธ์ บัคคาเนียร์ (Buccanear) เก็บเกี่ยวได้ประมาณปลายเดือนสิงหาคมถึงเดือนพฤศจิกายน
- พันธุ์แฮส (Hass) เก็บเกี่ยวได้ประมาณเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์
- พันธุ์ พิ้งค์เคอร์ตัน (Pinkerton) เก็บเกี่ยวได้ประมาณเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์


การขยายพันธุ์ของอโวคาโด
ใช้เมล็ด
ธาตุอาหารหลักที่อโวคาโดต้องการ
ประโยชน์ของอโวคาโด
- เนื้อผลประกอบด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ประมาณ 4-20% แล้วแต่พันธุ์ โดยกรดไขมันในอะโวคาโด ร้อยละ 70 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิด monounsaturater fatty acid ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายโดยช่วยลดปริมาณ LDL-cholesterol ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่เป็นผลเสียต่อร่างกาย และเพิ่มปริมาณ HDL-cholesterol ในเลือดซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่เป็นผลดีต่อร่างกาย มีประโยชน์ในการป้องกันโรคหัวใจซึ่งเป็นประโยชน์ในการลดไขมันในเส้นเลือด คนที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูงก็บริโภคผลไม้ชนิดนี้ได้และใช้ลดน้ำหนักได้ดี เพราะปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำแต่มีน้ำตาลต่ำ ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจึงสามารถบริโภคผลไม้ชนิดนี้ได้
- น้ำมันอะโวคาโด (Avocado oil) เป็นน้ำมันสกัดจากเนื้อของผลอะโวคาโด เป็นน้ำมันที่ดูดซึมสู่ผิวหนังได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันอัลมอนด์ และน้ำมันมะกอก ประกอบด้วยวิตามินอี กรดไขมัน linoleic และ oleic, phytosterol ใช้นวดศีรษะเร่งการงอกของผม น้ำมันนี้มีกลิ่นคล้ายเมล็ดถั่วคงตัวดี น้ำมันที่ใช้ในการปรุงอาหารก็มีส่วนช่วยให้วิตามินและสารอาหารที่ละลายใน ไขมันสามารถถูกดูดซึมนำไปใช้ได้ สลัดผักจำพวกผักใบเขียวอย่างผักโขม เลตตูซ มะเขือเทศ และแครอทที่ใช้น้ำมันสลัดที่ปราศจากไขมันจะทำให้คาโรทีนอยด์ที่ละลายในไขมัน ซึ่งอยู่ในพืชผักเหล่านี้ไม่สามารถูกดูดซึมนำไปใช้ได้ ไขมันที่อยู่ในอะโวคาโดช่วยในการดูดซึมคาโรทีนอยด์ที่ช่วยต่อต้านโรคภัยไข้ เจ็บต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไลโคพีนในมะเขือเทศ เบต้า-แคโรทีนในผักสีส้ม และลูทีนในผักใบเขียว1920
- วิตามินสูง ประกอบด้วย วิตามินเอ (เบต้าแคโรทีน) ช่วยบำรุงสายตา วิตามินบีช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ปากนกกระจอก วิตามินซีช่วยป้องกันหวัด เลือดออกตามไรฟัน และโดยเฉพาะวิตามินอี ซึ่งเป็นสาร antioxidant ที่มีคุณค่าในการปกป้องเซลล์ ร่างกายจากมลพิษทางอากาศ น้ำ และอาหาร ป้องกันร่างกายจากโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ และโรคหัวใจ ในผู้ใหญ่ควรบริโภควิตามินอีอย่างน้อย 10 mg ต่อวัน ผู้หญิงในอเมริกาใต้และเม็กซิโกใช้ผลอะโวคาโดสดสำหรับบำรุงเส้นผมและผิวพรรณ มานับพันปีแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแห้งให้นำอะโวคาโดมาบดผสมกับกล้วยหอมสุขและน้ำผึ้งในอัต รส่วน 1:1:1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันแล้วทาให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที แล้วล้างออก คุณก็จะมีผิวพรรณที่ชุ่มชื่นมีชีวิตชีวาและยังใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญเพื่อการ สกัดน้ำมันในอุตสาหกรรมทำเครื่องสำอางประทินผิวต่าง ๆ
- อุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโซเดียม โพแทสเซียม โฟเลต ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอล โดยเฉพาะโฟเลตนั้นเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับหญิงที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากโฟเลตเป็สารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและสร้างเนื้อเยื่อ ของทารก คนไทยสมัยก่อนใช้กล้วยเป็นอาหารเลี้ยงทารก อะโวคาโดก็เช่นกันสามารถใช้เป็นอาหารเลี้ยงทารกได้โดยอาจใช้เนื้ออะโวคาโด สุกป้อนเด็กทารกโดยตรงหรือผสมกับกล้วยน้ำว้าสุกอัตราส่วน 1:1
- โปรตีนสูงกว่าผลไม้สดอื่น ๆ ประมาณ 0.8 – 1.7 % โดยให้ค่าพลังงานความร้อนต่อร่างกายสูงแต่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย มีเยื่อใยสูงซึ่งเป็นประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย

สรรพคุณทางยาของอโวคาโด
–
คุณค่าทางโภชนาการของอโวคาโด
1.ลดน้ำหนักและไขมันชนิดเลว
อะโวคาโด มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักและไขมันชนิดเลวได้อย่างดีเยี่ยม โดยช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดให้ต่ำลง ป้องกันความเสี่ยงโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน หรือไขมันอุดตันเส้นเลือดสมอง ซึ่งนับว่าเหมาะกับคนที่กำลังต้องการลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก แต่หากดูจากข้อมูลแล้ว จะพบว่าอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีไขมันมากถึง 17.3 กรัมต่อน้ำหนัก 100 กรัม จึงทำให้หลายคนอาจเกิดความสงสัยว่าอะโวคาโดจะช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ ซึ่งคำตอบก็คือ จริง เพราะจากการวิจัยจาก North-West University ในประเทศแอฟริกาใต้ พบว่าคนที่กินอะโวคาโดเป็นประจำทุกวัน วันละ 200 กรัม จะสามารถลดน้ำหนักและไขมันเลวได้สูงมาก นั่นก็เพราะไขมันที่อยู่ในอะโวคาโด เป็นไขมันชนิดดีที่ร่างกายต้องการนั่นเอง
2.มีโฟเลตสูง
อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่มีโฟเลตสูงมากทีเดียว จึงเหมาะกับหญิงตั้งครรภ์มากที่สุด เพราะโฟเลตมีความจำเป็นต่อการเจริญติบโตและการพัฒนาสมองของลูกน้อยในครรภ์ คุณแม่จึงควรรับประทานอะโวคาโดเป็นประจำ เพื่อบำรุงให้ลูกน้อยมีสุขภาพดี แข็งแรง และมีพัฒนาการทางสมองที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้หลังคลอดทารกแล้ว คุณแม่ก็ยังคงต้องทานอะโวคาโดต่อ เพื่อมอบสารอาหารที่ดีให้กับลูกผ่านทางน้ำนมด้วย
3.ป้องกันและบรรเทาอาการเหน็บชา
อาการเหน็บชามักจะเกิดขึ้นได้กับหลายๆ คน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหากับปลายเส้นประสาทจึงมักจะมีอาการเหน็บชาบ่อย และแน่นอนว่าบางครั้งก็สามารถสร้างความเจ็บปวดทรมานได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว แต่การรับประทานอะโวคาโดเป็นประจำ ก็จะสามารถช่วยป้องกันและบรรเทาอาการเหน็บชาได้ หรืออย่างน้อยก็ช่วยลดความถี่ในการเกิดอาการเหน็บชาให้น้อยลงได้นั่นเอง
4.ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน
เพราะอะโวคาโดมีวิตามินซีสูงจึงสามารถป้องกันปัญหาเลือดออกตามไรฟันได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยบำรุงเหงือกและฟันให้แข็งแรง ลดอาการอักเสบของเหงือก ให้เหงือกและฟันมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น สำหรับใครที่มีปัญหาเลือดออกตามไรฟันบ่อยๆ หรือเหงือกบวมแดงจนทำให้เกิดอาการเจ็บปวด การรับประทานอะโวคาโดก็ย่อมช่วยได้เช่นกัน
5.ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
อะโวคาโด มีสารต้านอนุมูลอิสระและสารชนิดหนึ่งที่จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี โดยสารชนิดนี้จะทำหน้าที่ในการกำจัดเซลล์เนื้อร้ายที่เกิดขึ้นในร่างกายให้หมดไป และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้อย่างดีเยี่ยม จึงไม่ทำให้เป็นโรคมะเร็ง ทั้งยังช่วยบำรุงสุขภาพให้แข็งแรงห่างไกลจากโรคร้ายอีกด้วย นอกจากนี้สำหรับคนที่เป็นมะเร็งก็สามารถรับประทานอะโวคาโดเพื่อบรรเทาอาการได้
6.ป้องกันและบรรเทาอาการหวัด
เนื่องจากอะโวคาโดมีวิตามินซีสูง จึงสามารถบรรเทาและป้องกันไข้หวัดได้เป็นอย่างดี เพราะวิตามินซีจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง พร้อมที่จะต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสทุกชนิดที่เข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน หากทานอโวคาโดบ่อยๆ เป็นประจำ ก็จะไม่ทำให้คุณเป็นหวัดแน่นอน หรือใครที่กำลังป่วยด้วยโรคหวัด ก็สามารถรับประทานอะโวคาโดเพื่อบรรเทาอาการได้เช่นเดียวกัน
7.ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
หลายคนมักจะเจอกับปัญหาการขับถ่าย โดยเฉพาะอาการท้องผูกที่สามารถสร้างความเจ็บปวดทรมานได้เป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้เมื่อมีอาการท้องผูก ก็อย่าเพิ่งหายาถ่ายมาทานนะคะ เพราะแค่คุณรับประทานอะโวคาโด ผลไม้มากประโยชน์ชนิดนี้ ก็จะช่วยให้คุณมีระบบการขับถ่ายที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากผลอะโวคาโดมีเส้นใยสูง ไม่ทำให้อุจจาระแข็ง จึงสามารถขับถ่ายออกมาได้อย่างง่ายดาย ใครที่มีปัญหากับการขับถ่ายบ่อยๆ ลองรับประทานอะโวคาโดดูสิ รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ
8.อุดมไปด้วยไขมันชนิดดี
หลายคนคงจะเคยได้ยินมาว่า อะโวคาโด เต็มไปด้วยไขมัน จึงเกิดความคิดที่ว่าหากรับประทานอะโวคาโดมากเกินไป ก็จะทำให้อ้วน เป็นเบาหวาน หรือไม่ดีต่อสุขภาพได้ แต่ความจริงแล้ว ไขมันที่อยู่ในเนื้อผลอะโวคาโดนั้นถือเป็นไขมันชนิดดี ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มการดูดซึมสารแคโรทีนอยด์ ที่มีส่วนช่วยในการต่อต้านและขจัดอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังช่วยลดไขมันเลวในเลือดและลดความเสียงโรคหัวใจได้อีกด้วย อะโวคาโด จึงถือเป็นผลไม้ยอดนิยมที่คนรักสุขภาพส่วนใหญ่นิยมรับประทานกันมากที่สุด
9.บำรุงสายตา
สำหรับคนที่มักจะต้องใช้สายตาบ่อยๆ โดยเฉพาะการจ้องหน้าจอคอมหรือหน้าจอโทรศัพท์นานๆ อาจส่งผลให้สายตาเสียหรือเกิดโรคต่างๆ เกี่ยวกับดวงตาได้ ดังนั้นจึงควรบำรุงสายตาให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ และนอกจากการทานผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ อย่างเช่นผักบุ้ง แครอท หรือมะละกอแล้ว อะโวคาโด ก็เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่ง ที่จะช่วยบำรุงสายตาได้เช่นกัน รู้แบบนี้แล้วใครที่รู้ตัวว่ากำลังเสี่ยงต่อปัญหาสายตา อย่าลืมทานอโวคาโดเพื่อสุขภาพตาที่ดีกันด้วยนะ

การแปรรูปของอโวคาโด
รับประทานได้แต่ผลสุก กินเป็นผลไม้สด หรือกินกับไอศครีม น้ำตาล นมข้นหวาน สลัด เค้ก เครื่องดื่มเย็น ซูชิ อะโวคาโด-ลอดช่องน้ำกะทิ ทาขนมปังแทนเนย

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11378&SystemType=BEDO
http:// thaifarmer.lib.ku.ac.th
https:// th.wikipedia.org
https://www.hrdi.or.th
https://www.flickr.com
6 Comments