ลูกแพร์ ผลมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวและหวานหอม

แพร์

ชื่ออื่นๆ : แพร์

ต้นกำเนิด : ทวีปยุโรป

ชื่อสามัญ :

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pyrus communis

ชื่อวงศ์ : Rosaceae

ลักษณะของแพร์

ต้น  เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีทรงพุ่มขนาดกลาง แตกกิ่งก้านเป็นพุ่ม ลำต้นมีลักษณะกลมๆ เนื้อไม้แข็งเหนียว มีสีน้ำตาล

ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ มีลักษณะรูปไข่ ยาวรี ผิวใบเรียบ ขอบใบเรียบ มีก้านใบยาว ใบมีสีเขียว

ผล  เป็นผลเดี่ยว มีลักษณะทรงกลมยาว โคนเรียวเล็ก ปลายผลกลมใหญ่ ผิวเปลือกบางผิวเรียบ มีแกนกลางแข็ง ผลดิบสีเขียว ผลสุกจะมีสีเขียวอมเหลือง สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีน้ำตาล  สุกแล้วเนื้อนิ่มมาก ฉ่ำน้ำ รสชาติหวานอมเปรี้ยวและหวานหอม ให้ผลผลิตในเดือนสิงหาคม-ตุลาคม เป็นพืชคนละสปีชีส์กับสาลี่  แพร์แบ่งได้เป็นหลายพันธุ์ แต่พันธุ์ที่นิยมในตลาดมากที่สุดคือ Williams pear หรือเรียกว่า Bartlett ในสหรัฐและแคนาดา

ต้นแพร์
ต้นแพร์ ไม้ยืนต้น ใบรูปไข่

การขยายพันธุ์ของแพร์

การใช้เมล็ดเพาะต้นพันธุ์, ทาบกิ่ง, ติดตา,ตอนกิ่ง

ธาตุอาหารหลักที่แพร์ต้องการ

แพร์ชอบระบายน้ำดี น้ำไม่ขัง ชอบแสงแดด ชอบดินที่ชุ่มชื้น ต้องให้น้ำเพียงพอ ให้ระบายน้ำดี ปลูกช่วงแรกต้องรดน้ำทุกวัน เมื่อต้นเติบโตขึ้น ก็ให้ลดการให้น้ำได้ ปลูกในฤดูฝนจะดี

ประโยชน์ของแพร์

  • ผลรับประทานเป็นผลไม้ รสชาติหวานอมเปรี้ยวและหวานหอม
  • ลูกแพร์เป็นผลไม้เย็น สามารถใช้รับประทานเพื่อบรรเทาอาการไข้ได้
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดสมอง
  • น้ำลูกแพร์มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการอักเสบต่าง ๆ
  • ช่วยในการลดน้ำหนัก ลดระดับคอเลสเตอรอล ลดไขมันเลว (LDL)
ผลแพร์
ผลแพร์ ผลทรงกลมรี เปลือกบาง

สรรพคุณทางยาของแพร์

คุณค่าทางโภชนาการของแพร์

การแปรรูปของแพร์

แพร์แปรรูปได้โดยการเชื่อม แช่อิ่ม ตากแห้ง บรรจุกระป๋อง ใช้ทำของหวาน เช่น พาย น้ำผลไม้จากลูกแพร์ที่นำไปหมักเรียก เพอร์รี (perry) กลิ่นของลูกแพร์นิยมนำมาใช้ในส่วนผสมต่าง ๆ มากมายเพราะช่วยเพิ่มความหอมหวานได้ดีในประเภทของเครื่องดื่ม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เป็นต้น

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=9529&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com

2 Comments

Add a Comment