ชาหอม
ชื่ออื่นๆ : ชาหอม
ต้นกำเนิด : ประเทศไทยพบทางภาคเหนือที่ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และดอยหัวหมด จังหวัดตาก ขึ้นตามที่โล่งบนเขาหินปูน ความสูง 1000–2000 เมตร
ชื่อสามัญ :
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Osyris lanceolata Hochst. & Steud.
ชื่อวงศ์ : SANTALACEAE
ลักษณะของชาหอม
ต้น ไม้พุ่ม สูง 1–2 ม. แยกเพศต่างต้น กิ่งอ่อนเป็นเหลี่ยมหรือมีครีบ
ใบ ใบเรียงเวียน รูปรีถึงแกมรูปขอบขนาน ยาว 1–4 ซม. ปลายมีติ่งหนามสั้น ๆ แผ่นใบบางครั้งมีนวล
ดอก ช่อดอกออกตามซอกใบ ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อกระจุกสั้น ๆ แยกแขนง มี 8–10 ดอก มักแยกเป็นกลุ่มละ 3 ดอก ก้านช่อเป็นเหลี่ยม ยาวประมาณ 1 ซม. ใบประดับรูปใบหอก ยาวประมาณ 1 มม. ดอกสีเขียว กลีบรวม 3 กลีบ รูปไข่กว้าง ยาว 1–2 มม. มีเส้นกลางกลีบ เกสรเพศผู้ 3 อัน ติดที่โคนกลีบ ก้านชูอับเรณูสั้นมาก เป็นหมันในดอกเพศเมีย ดอกเพศเมียออกเป็นช่อเดี่ยว ๆ มีดอกเดียว ก้านช่อสั้นกว่าช่อเพศผู้เล็กน้อย ก้านดอกยาว 3–4 มม. ใบประดับมี 3 อัน ยาวประมาณกึ่งหนึ่งของกลีบรวม บิดไปมา กลีบรวมยาวเท่า ๆ กับของดอกเพศผู้ ปลายมีติ่งด้านใน ก้านเกสรเพศเมียสั้นมาก ยอดเกสรมี 3 แฉก มีต่อมน้ำต้อย รังไข่ใต้วงกลีบ
ผล ผลผนังชั้นในแข็ง รูปรี ยาว 5–6 มม. สุกสีแดงอมส้ม ออกดอกเดือน ม.ค.-มี.ค.

การขยายพันธุ์ของชาหอม
การเพาะเมล็ด
ธาตุอาหารหลักที่ชาหอมต้องการ
ประโยชน์ของชาหอม
ใบใช้ชงแทนใบชาได้
สรรพคุณทางยาของชาหอม
- ราก ต้มดื่มแก้ปวดเมื่อย เป็นยาบำรุง แก้ท้องเสีย ช่วยเจริญอาหาร แก้ไอ แก้ริดสีดวง แก้ปัสสาวะอักเสบ
- รากและเปลือก ตากแห้งต้มดื่มแก้ท้องอืด ลำต้น ต้มดื่มแก้ไอ
- เปลือกต้น ต้มดื่มเป็นยาเจริญอาหาร แก้ปวดเมื่อย
- ใบ ต้มดื่มเป็นยาบำรุง

คุณค่าทางโภชนาการของชาหอม
การแปรรูปของชาหอม
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=10300&SystemType=BEDO
http://www.qsbg.org
https://www.flickr.com