ตะแบกเลือด
ชื่ออื่นๆ : ตะแบกเลือด (ภาคตะวันตกเฉียงใต้) โคะกาง (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่) ปราบตำเลีย (เขมร-บุรีรัมย์) เปีย (อุบลราชธานี) เปื๋อยปั่ง เปื๋อยปี เปื๋อยสะแอน (ภาคเหนือ); มะกาเถื่อน (เงี้ยว-ภาคเหนือ) มะเกลือเลือด (ภาคกลาง)
ต้นกำเนิด :
ชื่อสามัญ : ตะแบกเลือด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Terminalia corticosa Pierre ex Laness.
ชื่อวงศ์ : COMBRETACEAE
ลักษณะของตะแบกเลือด
ต้น ไม้ต้นผลัดใบขนาดใหญ่ สูงประมาณ 35 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลมโปร่ง ลำต้น เปลาตรง เปลือกต้นสีเทาหรือน้ำตาล–แดง ขรุขระเป็นปุ่มปมและเปลือกกร่อนหลุดออกเป็นแผ่นบางๆ เปลือกชั้นในสีชมพู–แดง
ใบ เดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉากแผ่นใบรูปไข่กว้างถึงรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ขนาด 5-9 x 7-15 เซนติเมตร ปลายใบมนหรือเป็นติ่งแหลม โคนใบสอบเข้าถึงกลม จุดเด่นที่โคนใบมีต่อม 2 ต่อมชัดเจน ใบอ่อนมีขนสีน้ำตาลปกคลุมทั้งสองด้าน หลังใบมองเห็นเส้นใบและเส้นใบย่อยชัดเจน
ดอก ช่อดอกแบบช่อหางกระรอกออกตามกิ่งและซอกใบใกล้ปลายกิ่ง สีเหลือง กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นรูปกรวย ปลายแยกเป็น 5 แฉก มีขนสีน้ำตาลปกคลุม ไม่มีกลีบดอก
ผล แห้งมีปีกตามยาวผล 3 ปีก ทรงกลม แข็ง มีขนสีน้ำตาลสั่นนุ่นหนาแน่น มี 1 เมล็ด รูปรี


การขยายพันธุ์ของตะแบกเลือด
ใช้เมล็ด/เพาะเมล็ด
ธาตุอาหารหลักที่ตะแบกเลือดต้องการ
ประโยชน์ของตะแบกเลือด
เป็นไม้ประดับ เนื้อไม้ ใช้ในการก่อสร้างส่วนต่างๆของอาคารบ้านเรือนที่อยู่ในร่ม ใช้ทำเสา เสาเข็ม และสามารถนำมาเผาเป็นถ่าน ไม้และเปลือก ให้น้ำฝาดชนิด Pyrogallol

สรรพคุณทางยาของตะแบกเลือด
เปลือก ใช้ปรุงเป็นยาแก้บิด มูกเลือด
หมอพื้นเมืองใช้เปลือกต้นปรุงเป็นยาแก้บิดมูกเลือด และลงแดง
คุณค่าทางโภชนาการของตะแบกเลือด
การแปรรูปของตะแบกเลือด
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=9559&SystemType=BEDO
http://www.qsbg.org
http://science.sut.ac.th